ซิสโก้ เผยเทรนด์ธุรกิจปี 67 ชี้ AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจไทยเติบโต
วีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมาร์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ.2567 คาดว่าจะฟื้นตัวจากแรงขับเคลื่อนของภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นปีที่ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเปิดประตูให้กับธุรกิจไทยได้เติบโต ทั้งนี้ เทรนด์ธุรกิจและเทคโนโลยีสำคัญที่จะเปิดบทใหม่ให้กับธุรกิจไทย มีดังนี้
1.AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่ต้องมี แต่หลายองค์กรยังไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
อุตสาหกรรม AI คาดว่าจะเติบโตจาก 95,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 1.8 ล้านล้านภายในปี พ.ศ.2573 โดยจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า แต่หลายบริษัทยังไม่พร้อมใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จากผลสำรวจ AI Readiness Index ซึ่งจัดทำโดยซิสโก้ พบว่ามีเพียง 1 ใน 5 องค์กรในประเทศไทยเท่านั้น ที่เตรียมพร้อมเต็มที่ในการปรับใช้
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในไทยมองเห็นความเร่งด่วนในการคว้าโอกาสจาก AI มากขึ้น โดยช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา 99% ยอมรับว่าองค์กรมีความตื่นตัวต่อการใช้เทคโนโลยี AI และ 97% มีกลยุทธ์ AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วหรืออยู่ในกระบวนการพัฒนา อย่างไรก็ดี ยังพบช่องว่างสำคัญในเสาหลักต่าง ๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล การกำกับดูแล บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร เช่น การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลพร้อมสำหรับ AI รวมถึงการสร้างบุคลากรด้าน AI ที่มีคุณภาพ แผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ
2.AI ที่มีความรับผิดชอบจะเริ่มด้วยการทำงานอย่างมีจริยธรรม
องค์กรจำเป็นต้องมีนโยบายที่รัดกุม เพื่อจัดการข้อมูลและระบบ AI อย่างมีความรับผิดชอบ ขณะที่องค์กรไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยผลสำรวจเผยว่า 43% มีนโยบายและโปรโตคอล AI ที่ครอบคลุม และ 17% ขององค์กรยังมี bias โดยไม่มีกลไกอย่างเป็นระบบในการตรวจจับ data bias
ทั้งนี้ เมื่อผลกระทบของ AI แพร่หลายมากขึ้น การกำกับดูแลยิ่งต้องพัฒนาต่อไป ทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องพัฒนากฎระเบียบ ปรับใช้นโยบายภายในที่แก้ไขเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และการใช้เทคโนโลยี AI รวมถึงการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง โดยสามารถจัดการช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นจากระบบ AI รวมถึงการฝึกอบรมและยกระดับทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานยังคงมีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยง บริษัทที่สร้างแอปพลิเคชัน AI จะต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และสร้างความไว้วางใจโดยกระบวนการออกแบบนวัตกรรมที่ครบวงจรในผลิตภัณฑ์ บริการ และการดำเนินงานขององค์กร
3.โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ใช้งานง่ายจะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัย และความอัจฉริยะให้ธุรกิจ
การสร้างเครือข่ายอัจฉริยะที่ทันสมัย เป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของบริษัท ความยืดหยุ่น และการบูรณาการเครือข่ายกับ AI หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความสำเร็จ นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ จะตระหนักถึงความจำเป็นของแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจรที่สามารถมองเห็นแบบ end-to-end โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความท้าทายด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้มีความซับซ้อนขึ้น และพนักงานทำงานจากสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยใช้การเชื่อมต่อหลายรูปแบบ เข้าถึงข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เครือข่ายจะมีบทบาทสำคัญในการให้ visibility ของผู้ใช้ อุปกรณ์ และเอนทิตีในระบบทั้งหมด ส่งผลให้สามารถเป็นจุดควบคุมเพียงจุดเดียวในการตรวจจับ ป้องกัน และแก้ไขภัยคุกคาม
4.ปีแห่งการต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา เราจำเป็นต้องจำกัดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ บริษัทต่าง ๆ จะเผชิญแรงกดดันในการพัฒนาความยั่งยืน โดยเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการจัดหาข้อมูลเชิงลึกให้กับองค์กรเพื่อวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างแม่นยำ รวมถึงการวางแผนสร้างอาคารและพื้นที่ทำงานอัจฉริยะ ผู้ให้บริการ ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อเป้าหมายความยั่งยืนจะเร่งพัฒนาความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลดการใช้พลังงานไปพร้อมกัน
5.บุคลากรและการเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญของความสำเร็จด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น
แม้ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในไทยจะเฟื่องฟู แต่ยังคงขาดแคลนบุคลากรเทคโนโลยี ทักษะเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ เช่น ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ data science และเครือข่าย ซึ่งนับเป็นโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ผลักดันการพัฒนาบุคลากรเทคโนโลยีให้พร้อมก้าวสู่โลกอนาคต บริษัทยังต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในจุดมุ่งหมาย โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ