อาเซียนร้องดัน ‘วัคซีนโควิด-19’ เป็นสินค้า สาธารณะ เข้าถึงง่าย-ไม่แพง

บันดาร์เสรีเบกาวัน – เมื่อวันพุธที่ 4 ส.ค. 64 รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN) เรียกร้องให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นสินค้าสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาย่อมเยา
แถลงการณ์ร่วมจากที่ประชุมรัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 54 ระบุว่าบรรดารัฐมนตรีเห็นความสำคัญของการยกระดับการผลิตและจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายในภูมิภาค
“เราเรียกร้องให้มีการยกระดับความร่วมมือและแบ่งปันประสบการณ์กับหุ้นส่วนของอาเซียน ด้านการวิจัย การพัฒนา การผลิต และการจัดสรรวัคซีน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงยาสำหรับโรคโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียม ดำเนินการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาย่อมเยา พร้อมกับเตรียมตัวรับมือเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขในอนาคต”
บรรดารัฐมนตรีระบุว่าพวกเขารู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งที่โรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากและสูญเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเกิดผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจและสังคม
“เรายินดีกับความคืบหน้าในการดำเนินการตามกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน (ACRF) และแผนการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้อาเซียนฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่อย่างยืดหยุ่นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“เรายินดีที่ประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนภายนอกมีส่วนร่วมในกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีผู้ให้คำมั่นส่งเงินสนับสนุนรวม 20.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 690.21 ล้านบาท)”
เพื่อบรรลุความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของอาเซียน บรรดารัฐมนตรีระบุว่าพวกเขาตั้งตารอการดำเนินยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคและแผนปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน 2021-2025
อนึ่ง การประชุมระดับรัฐมนตรีของอาเซียนครั้งที่ 54 ถูกจัดขึ้นทางออนไลน์ที่ประเทศบรูไน เมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) นอกจากนี้ยังมีกำหนดจัดการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ 29 การประชุมรัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ 22 การประชุมสุดยอดรัฐมนตรีการต่างประเทศเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 11 และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ARF) ครั้งที่ 28 ระหว่างวันจันทร์-เสาร์ (2-7 ส.ค.)
ที่มา: สำนักข่าวซินหัว