ชาวเมียนมา บุกสถานทูตเมียนมากรุงเทพฯ ต่อต้านรัฐบาลทหาร “มิน อ่อง หล่าย”
1 กุมภาพันธ์ 2566 ครบรอบ 2 ปี รัฐประหารเมียนมา โดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ชาวเมียนมาในไทยหลายร้อยชีวิต นัดหมายจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลทหาร หน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไท ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา และชุดควบคุมฝูงชน บก.น.9 ที่คอยสังเกตการณ์ออยู่โดยรอบ
ชาวเมียนมากลุ่มนี้ เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ของนางอองซาน ซูจี ซึ่งถูกพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย โค่นล้มรัฐบาลเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นเหตุให้มีผู้ถูกจับกุมคุมขัง และเกิดสถานการณ์ความรุนแรงจวบจนปัจจุบัน
โดยชาวเมียนมาที่มาร่วมกิจกรรมต่างพากันโพกผ้าที่ศีรษะ ชูสามนิ้ว ชูธงที่มีสัญลักษณ์พรรค NLD และชูรูปภาพของนางอองซาน ซูจี และนาย อู วิน หมินท์ อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พร้อมกล่าวเป็นภาษาเมียนมา แปลเป็นภาษาไทยว่า “มิน อ่อง หล่าย ออกไป”
สุรัช กีรี แกนนำกลุ่ม Bright Future เปิดเผยกับ The Reporters ว่า วันนี้จะมีกิจกรรมแสดงโชว์ให้เห็นว่าเผด็จการมิน อ่อง หล่าย ได้ทารุณประชาชนอย่างไร ไม่เว้นแม้กระทั่งหญิงตั้งภรรภ์หรือเด็ก ซึ่งเป็นโชว์ครั้งแรกที่ไม่เคยที่ใดมาก่อน เป็นโชว์จัดพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี รัฐประหารเมียนมา เพราะเราโกรธแค้นจริง ๆ
ผลจากการรัฐประหาร 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้จิตใจพวกเรามัวหมอง เศร้าโศก มีเพื่อน ๆ หลายคนเสียชีวิต คนที่ยังมีชีวิตอยู่หลายคนก็ไม่ร่วมต่อสู้แล้ว แต่ส่วนมากก็ยังต่อสู้อยู่ โดย Bright Future และชาวเมียนมาในไทย ยืนยันว่า “จะยังต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ”
เมื่อถามถึงข้อเรียกร้อง สุรัช กล่าวว่า เราเรียกร้องไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าลืมว่าประเทศไทยก็เผด็จการเหมือนกัน เรียกร้องไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากย้ำให้คนไทยช่วยสนับสนุนนรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) คือสนับสนุนรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยดีกว่า และอยากให้ลุง (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) ปลีกตัวออกมาจากมิน อ่อง หล่ายดีกว่า รู้ว่าสนิทกัน แต่มาอยู่ฝั่งประชาธิปไตยดีกว่า
“พม่าสร้างประเทศให้ไทยนะ พม่าทำงานที่คนไทยไม่ทำ ทั้งก่อสร้าง สร้างตึกสูง ๆ ไม่มีคนไทยทำเลย จึงอยากให้รัฐบาลไทยฟังเราบ้าง สนใจเราบ้าง”
ส่วนสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็แค่ไล่ ระยะหลังเริ่มมียิงกันแล้ว และคนเมียนมาที่ต่อสู้ในประเทศอื่น หลายคนถูกอุ้มหาย มันรุนแรงกว่าก่อนรัฐประหารเสียอีก ปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย เรากำลังนับถอยหลังสู่ประชาธิปไตย
สำหรับการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ สุรัชมองว่าพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย พูดไปแบบนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อ และไม่เคยเชื่อคำพูดที่ออกจากปากมิน อ่อง หล่ายอยู่แล้ว เราเชื่อในรัฐบาล NUG เพราะรัฐบาล NUG บอกว่าปีนี้เป็นปีสุดท้าย แสดงว่าเขาต้องมีแผนการอะไรสักอย่างที่จะโค่นล้มอำนาจเผด็จการได้
สุรัช ฝากถึงชาวเมียนมาในไทยทุกคน ว่าสามารถร่วมต่อสู้กับเขาได้ ส่วนชาวเมียนมาในประเทศก็ไม่ต้องห่วง เราจะสู้เต็มที่ เพราะรู้ดีว่าที่เมียนมาทำอะไรมากไม่ได้
สำหรับกิจกรรมของชาวเมียนมาในไทย จัดขึ้นตั้งแต่เวลา 11.00 – 13.30 น. ก่อนยุติกิจกรรม สุรัชเป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “สองปีที่ผ่านมา นับเป็นสองปีที่ด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ของผู้คนเมียนมาและของโลก จำนวนชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่สูญเสียไปภายใต้ยุคมืดของเผด็จการทหารเมียนมานับไม่ถ้วน หากรัฐบาลไทยยังคงมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่ก็จงปลีกตัวห่างจากทรราชเหล่านี้ อย่าร่วมมือกับพวกมันเลย
ถ้าประชาคมโลกใช้อำนาจกดดันเต็มที่ คงไม่มีประเทศใดในโลกที่ต้องการประสบกับเผด็จการ ไม่มีใครอยากจับมือที่เปื้อนเลือดของมิน อ่อง หล่าย และพรรคพวกอีกต่อไป เราอยากชวนเพื่อนชาวไทยผู้รักในประชาธิปโตยมาสนับสนุนรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF)
ปีนี้จะเป็นปีที่ประชาชนโค่นล้มอำนาจทรราชสำเร็จ หากแต่ว่าด้วยความร่วมมือของผู้รักในเสรีภาพและประชาธิปไตยทั่วโลก เราจะประสบความสำเร็จเร็วยิ่งขึ้นไปอีก ชีวิตผู้บริสุทธิ์จะรอดพ้นเร็วยิ่งขึ้น และมิน อ่อง หล่าย จะได้รับการลงทัณฑ์ที่สาสม ประชาธิปไตยเมียนมาไม่ใช่เพียงความเป็นไปได้ แต่เป็นการนับถอยหลังเวลาที่ค่อย ๆ เดินสู่เป้าหมายอย่างมั่นคง”
เรื่อง : ณัฐพร สร้อยจำปา, เจตณัฐ พิริยะประดิษฐ์กุล
ภาพ : พุฒิพงศ์ ธัญญพันธุ์, ศุภสันห์ กัณณรงค์