มท.1 ลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้ป่านครนายก เน้น สร้างแนวกันไฟ ไม่ให้ลุกลามเพิ่ม
วันนี้ (30 มี.ค. 66) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมายังตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่า โดยได้เดินทางมาบริเวณเชิงเขาตะแบก ฝั่งหมู่บ้านวังรี ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นจุดที่มีชุมชนอยู่ใกล้กับจุดที่มีเพลิงไหม้
พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่า จากการพูดคุยหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แผนการเข้าควบคุมสถานการณ์ตอนนี้ จะเน้นการเตรียมทำแนวกันไฟ เพื่อไม่ให้เพลิงลุกลาม ควบคู่ไปกับการใช้เฮลิคอปเตอร์ โปรยน้ำลงมาในจุดที่มีไฟเพื่อเพิ่มความชื้น ลดอุณหภูมิ ให้เจ้าหน้าที่เดินเท้าสามารถปฏิบัติงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงจากหลายหน่วยงาน
“จากการประเมินของ เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งค่อนข้างมีประสบการณ์ในการใช้เฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง ยังคงยืนยันว่าตอนนี้ ต้องใช้ทฤษฎีทำให้เกิดความชื้นแล้วเร่งสกัดกั้นแนวไฟ ซึ่งตรงไหนที่ใช้กำลังคนขึ้นไปดับไฟได้ก็ใช้กำลังคนทำ ตรงไหนที่กำลังคนเข้าไม่ถึงก็ใช้ทางอากาศยาน ส่วนเรื่องแหล่งน้ำยืนยันว่ามีเพียงพอและหลายแห่งก็อยู่ไม่ไกลจากภูเขาที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังคงเน้นการใช้น้ำในการดับเพลิงเป็นหลัก ตามการประเมินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่หากเมื่อไหร่ที่ประเมินแล้วเห็นว่าน้ำเอาไม่อยู่ จำเป็นจะต้องใช้สารเคมี ก็จะนำมาใช้ทันที รวมไปถึงเรื่องของฝนหลวงด้วย ซึ่งต้องประเมินควบคู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้น ว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด และหากเอามาใช้แล้วจะสามารถควบคุมได้แน่ๆ หรือไม่ หากทำได้ก็จะทำ”
พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่า สถานการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้แตกต่างจากปี 2563 ที่เกิดไฟป่าขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ จุด จึงถือว่าสถานการณ์ตอนนี้รุนแรงน้อยกว่าปี 2563 ดังนั้น หากล้อมแนวไฟไว้ได้ ก็จะควบคุมสถานการณ์ได้ไว ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมแผนเกี่ยวกับการอพยพประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงไว้แล้ว หากมีความจำเป็น ซึ่งระยะพื้นที่ของประชาชนที่อาจจะต้องอพยพหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ก็อยู่ที่ประมาณ 3-4 กิโลเมตร
นายพงษ์สวัสดิ์ ธีระวัฒนกุล นายก อบต.เขาพระ กล่าวว่า สำหรับเรื่องผลกระทบต่อชุมชนนั้นตอนนี้ไม่ได้น่ากังวลมาก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ที่อยู่ในป่าในเขามานาน และจุดนี้ก็เกิดไฟป่าขึ้นบ่อย ดังนั้น ชาวบ้านจึงมีประสบการณ์และสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะต้องรับมืออย่างไร รวมถึงมีวิธีในการป้องกัน ซึ่งแผนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตอนนี้ก็เน้นการเฝ้าระวังไม่ให้ไฟลุกลามจากด้านบนภูเขาลงมาข้างล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชน
“แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปนานกว่านี้สัก 3-4 วัน ก็จะมีผลกระทบเรื่องของสภาพอากาศ โดยตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการควบคุมเพลิงให้ดับสนิท เพราะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบแวดล้อมหลายอย่าง หลักๆ คือเรื่องของลม และปริมาณเชื้อเพลิงบนภูเขา” นายพงษ์สวัสดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 18.00 น. วันนี้ จะมีการบินโดรนเพื่อสำรวจสถานการณ์ภาพรวม และจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแผนการในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง ในการจะให้ชุดเดินเท้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทำแนวกันไฟ เป็นการตีกรอบไม่ให้เพลิงลุกลามเป็นวงกว้าง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ต้นเพลิงน่าจะเกิดจากฟ้าผ่า ทำให้มีเพลิงเพียงจุดเดียวแต่ลุกลามไปตามลม