ประธานหอการค้า จ.ตาก เผย หลังรัฐบาลออกมาตรการ 3 ตัด กระทบการค้าชายแดน หวัง รัฐทบทวน

ประธานหอการค้า จ.ตาก เผย หลังรัฐบาลออกมาตรการ 3 ตัด กระทบการค้าชายแดน หวัง รัฐทบทวน มองเป็นเรื่องดี รัฐบาลเมียนมา – ชนกลุ่มน้อยร่วมมือแก้คอลเซ็นเตอร์ เสนอ ใช้ตึกในชเวก๊กโก่ – เคเคปาร์ค สร้างเศรษฐกิจร่วมกัน
วันนี้ (22 ก.พ. 68) นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดตาก ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้านเศรษฐกิจหลังรัฐบาลออกมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เศรษฐกิจในที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจากที่ฟังเสียงจากผู้ประกอบการเอกชนก็บอกว่าการค้าขายก็เงียบไป เพราะข่าวที่ออกไปทำให้ดูเหมือนในพื้นที่อำเภอแม่สอด กลายเป็นสีเทาไปด้วย ส่วนการค้าชายแดนก็ซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด แม้สินค้ายังคงข้ามแดนได้ปกติ แต่ก็ก็ขายได้น้อยลง อาจเป็นเพราะการขนถ่ายสินค้า และปัญหาภายในประเทศเมียนมาเอง
นายบรรพต กล่าวอีกว่า ภายหลังมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปกติเขาซื้อน้ำมันจากเรา ทั้งดีเซล เบนซิน ซึ่งน้ำมันเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ซึ่งก็ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ส่วนที่สองคือรถขนถ่ายสินค้า ที่จะส่งจากเมียวดีเข้าไปยังเมืองชั้นใน เพราะการค้าชายแดนที่นี่ ไม่ได้ค้าขายแค่ตามแนวชายแดน แต่เป็นการขายเข้าไปในเมืองชั้นใน จึงจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกฝั่งเมียนมาในการขนถ่ายสินค้า และประชาชนที่อยู่ตลอดแนวชายแดนทั้งไทย และเมียนมา ได้รับผลกระทบในการขาดน้ำมัน ขาดไฟไฟฟ้า ทำให้ต้นทุนน้ำมันแพงขึ้น ในขณะเดียวกัน กรณีของเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟก็แพงขึ้น รถแทร็กเตอร์ที่ใช้อยู่ตามไร่นา ก็ต้องใช้น้ำมัน ตอนนี้ฝั่งเมียนมาก็มีเสียงมาว่าได้รับผลกระทบน้ำมันแพงขึ้น รวมถึงโรงพยาบาลก็ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
นายบรรพต มองว่า การปฏิบัติการชุดแรกถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเราเป็นประชาชน ก็อยากเห็นภาพแบบนี้ ในฐานะที่เป็นคนในท้องถิ่นเราอยากให้ดำเนินการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด อยากให้ดำเนินการในครั้งเดียว ครั้งนี้ถือว่าทำวิกฤตเป็นโอกาส โดยเฉพาะจีนลงมาร่วมมือ เพราะมีคนของเขาที่มาสร้างความเสียหายนอกราชอาณาจักร และส่งผลกระทบไปทั่วโลก
“น่าดีใจที่รัฐบาลเมียนมา กลุ่มชาติพันธุ์ ร่วมมือกัน ในการปฏิบัติตามที่ไตรภาคีได้พูดคุยกัน ผมคิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี และอยากเห็นในอนาคตความร่วมมือเหล่านี้ ควรเกิดขึ้น และชายแดนจะได้ปกติสุข เป็นผลดีกับประชาชนทั้งสองฝั่ง เพราะเราก็อยู่กันมาไปมาหาสู่กันทั้งสองฝั่ง แต่วันนึงมีคนที่ไหนก็ไม่รู้ เราก็ไม่รู้จัก ทุนก็ใหญ่ และคนที่รับผลกระทบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือชาวบ้านก็เดือดร้อน ท่าข้ามต่า งๆ ต้องปฏิบัติตามกฏหมายที่ชาวบ้านไม่เคยปฏิบัติมาก่อน ซึ่งชาวบ้านก็เดือดร้อนเป็นธรรมดา” นายบรรพต กล่าว
นายบรรพต กล่าวถึงการทบทวนมาตรการกดดันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ว่า หากทบทวนได้ ตนเองคิดว่าเป็นผลดีอยู่แล้ว การจัดการอะไร ถ้าคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ เราก็ต้องมาดูเหมือนกัน คนที่ก่อปัญหา ก็แก้ปัญหากันไปในทิศทางที่เป็นอยู่ ด้วยความร่วมมือจากไตรภาคี คิดว่าเป็นความร่วมมือของประเทศที่มีไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งความจริงเราก็เป็นแค่ทางผ่าน ดินแดนก็ไม่ใช่ของเรา และมีคนของเราไปร่วมน้อยมาก
นายบรรพต กล่าวต่อว่า เรื่องการตัดน้ำมัน เดือดร้อนทั้งวิถีชาวบ้าน และเป็นอุปสรรคต่อการค้าขายในแง่การขนส่ง เพราะเป็นปัจจัยสำคัญ ในเมื่อเราขายได้ แต่ส่งของไม่ได้ จะทำอย่างไร ที่ต้องขายและส่งสินค้าได้ด้วย โดยที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เกิดความขัดแย้งภายในของประเทศเมียนมาเอง ก็มีการระเบิดเส้นทางสายเอเชียวันบนสะพาน ซึ่งก็ใช้การไม่ได้ ก็ถือเป็นอุปสรรคอยู่แล้ว เราก็ต้องเอารถอ้อมไปทางอื่น ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น ตอนนี้ดีใจที่รัฐบาลเมียนมา และกลุ่มต่าง ๆ ถ้าหากคุยกันได้ และเกิดสันติภาพในฝั่งเมียนมา เราอยากให้พื้นที่ตรงนี้กลับมาปกติสุข
นายบรรพต ระบุว่า อย่างในพื้นที่ชเวก๊กโก่ และพื้นที่อื่น ๆ ที่เราเห็นว่าอาจจะนำมาใช้ประโยชน์อื่นได้ อยากให้เรามาคุยกันในไตรภาคี เพื่อทำเศรษฐกิจษฐกิจร่วมไทย เมียนมา และจีนที่มีทุนหนา อาจช่วยส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ เพื่ออย่างน้อย ๆ ทำให้คนจีนไม่เสียชื่อ อย่างที่รู้กันว่าถ้าคนของเขามาทำให้ประเทศเสียชื่อ ก็คงไม่ยอม เพราะเป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งที่อาจมีทั้งคนดี และคนไม่ดี คิดว่านโยบายในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน และคิดว่าทุกฝ่ายน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าที่จะปล่อยไว้ในสภาพแบบนี้ และอยู่ในลักษณะที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บริหารที่แท้จริง
นายบรรพต ยกตัวอย่างว่า ตอนที่บริษัทหย่าไท้ ลงทุนในเมืองชเวก๊กโก่โดยการเช่าที่จากรัฐบาลพล.ต.หม่องชิตตู่ ก็เป็นคนของรัฐบาล จากกองกำลัง BGF พวกเราที่อยู่อยู่ที่นี่ คิดว่าคงเป็นการตกลงร่วมกันทั้งนักลงทุนจีน เมียนมา และชนกลุ่มน้อย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สมัยก่อนก็เป็นไร่ข้าวโพด และมาปลูกตึกใหญ่ ซึ่งตนเองว่าใหญ่กว่าแม่สอดอีก ซึ่งดูจากการลงทุนแล้ว ก็มีความตั้งใจ ไม่ได้มาปลูกกระต๊อบอยู่แล้วทำสแกมเมอร์ ใครจะคิดว่าวันนึง จะเปลี่ยนรูปเป็นสแกมเมอร์ อาจเป็นเพราะว่าปัญหาเรื่องโควิด หรือทำแล้วการลงทุนไม่สร้างผลกำไร และวิธีนี้คงเป็นวิธีเดียวที่แถวนั้นคงจะทำได้ เพราะอย่างอื่นก็ลำบากหมด