AROUND THAILAND

‘แสงเดือน’ มองดราม่า มาจากวิธีการเลี้ยงช้างที่ต่างกัน

The Reporters พูดคุยกับ น.ส.แสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park ในทุกประเด็นดราม่า หลังเกิดอุทกภัยน้ำท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนัก

แสงเดือน คาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูไม่ต่ำกว่า3 เดือน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ทันฤดูกาลการท่องเที่ยวปีนี้ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจองไว้ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. เป็นช่วงที่สร้างรายได้ให้กับที่นี่ ซึ่งได้แจ้งกลับไปว่าพร้อมจะคืนเงินให้ แต่นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าเรากำลังเจอสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนใหญ่จึงไม่ขอรับเงินคืน ก็ต้องขอบคุณไปยังนักท่องเที่ยว และอาสาสมัครทุกคน

แสงเดือน เล่าถึงที่มาของ มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่เดิมเธอทำบริษัททัวร์ มาตั้งแต่ปี 2533 และหลังจากน้ันมีคนบริจาคที่ตรงนี้ให้ จึงตั้งใจให้เป็นบ้านช้าง มาดูแลช้าง ช่วยเหลือช้างพิการ ตาบอด และมาเปิดมูลนิธิ ในช่วงปี 2539

“เหตุที่พี่เปิดมูลนิธิ เพราะเคยเห็นข้างถูกบังคับให้ลากไม้ ก็ถามควาญว่าทำไมช้างอายุขนาดนี้ ยังต้องลากไม้อยู่ ควาญบอกว่าถ้ามีที่อยู่จะหยุด แต่ตอนนี้จะใช้จนเขาล้ม เป็นคำพูดที่พี่จำ และตั้งใจว่าจะสร้างบ้านที่มีความสุขให้กับช้าง คุณยายแก่จะได้เกษียณ พิการจะได้พักผ่อน ที่นีเรามีสัตวแพทย์ดูแล บ้านหลังนี้ เป็นบ้านช้าง ที่ไม่บังคับเขา ใช้แต่ความรักดูแลเขา”

แสงเดือน ยอมรับว่า เศร้าใจที่เกิดดราม่าจากช้างตาย ตนเองอยากให้สังคมแยกแยะ ซึ่งคนที่เคยมาที่เราได้เห็นข้อเท็จจริงแล้วว่าที่นี่เลี้ยงช้างอย่างไร ส่วนคนที่ไม่มาให้คิดว่าใครจะเลี้ยงใช้โซ่ เป็นวัฒนธรรมของเขาไม่เป็นไร ของเราจะเลี้ยงแบบเรา

“เราก็ต้องพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าการเลี้ยงช้างแบบนี้สมควรได้เรียนรู้ ที่ผ่านมาได้รับการดูงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ช้างเอเชียส่งคนมาดูงานที่เรา การเลี้ยงช้างมี 2 แบบ ถ้าเป็น 2 แบบแล้ว เราจะเลี้ยงแบบไหนก็เลี้ยงไป แต่พอเกิดเรื่อง นักท่องเที่ยวมาเห็นของเรา แล้วไปเห็นควาญช้างตีหัวบ้าง ก็ไปเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย แต่อีกฝ่ายก็มาโทษพี่ ซึ่งไม่ใช่เราทำ บางทีนักท่องเที่ยวมาในรูปแบบนักสิทธิสัตว์ ที่เขาเห็นเขาก็จะไปพูด”

แสงเดือน ยอมรับว่า ความขัดแย้ง 20 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่องค์กร PETA เอาเรื่องทารุณกรรมช้างไทยไปออก มีผู้ใหญ่หลายคน ปล่อยให้ PETA แถลงข่าว เขามาถามว่าไทยมีอย่างนี้จริงเหรอ นักข่าวก็มาสอบถาม ก็บอกเพียงว่าเคยเห็น แต่หลังจากนั้นทุกอย่างมาลงที่ตนเองเป็นห่าฝน ว่ารับเงินจากต่างชาติมาทำลายประเทศ จนมีการฟ้องร้อง ต่อสู้กัน 20 กว่าปี ตนเองชนะทุกคดี แต่ก็เปลี่ยนตัวละครใหม่ เพียงแต่รอจังหวะถ้าตนเองพลาด ก็จะรอซ้ำทันที

“การเลี้ยงช้างเป็นผลประโยชน์ เพราะฝรั่งจะมาตีเรื่องการทารุณกรรม ซึ่งฝรั่งเขาก็ทำของเขา แต่คนก็จะคิดว่าพี่ไปร่วมมือ พี่คิดว่าถ้าฝ่ายนู้นพร้อมออกมาเปิดเผย เหตุผลที่เขาเลี้ยงช้างโดยใช้โซ่และตะขอ ทำคลิปชี้แจงได้ ให้ฝรั่งรับทราบ แต่ไม่ใช่พอเกิดเรื่องขึ้นมา มีการตั้งกลุ่ม 20 กว่าปางช้างมาใส่ร้ายป้ายสีแสงเดือน จนคนในกลุ่มเห็นว่ามันล้ำเส้นเกินไป เขาก็เอาข้อมูลออกมาให้พี่ ก็ฟ้องกันในศาล ให้สลายกลุ่ม ทำสื่อขอโทษ มีการลงโทษหลายคนมาก”

แสงเดือน ยืนยันว่า แม้จะเลี้ยงช้างแบบธรรมชาติ แต่มีควาญช้างดูแล และมีควาญช้างประจำ ตามกฏหมายแรงงาน ก็ต้องมีวันหยุดด้วย และต้องมีควาญสำรอง เพราะถ้าปล่อยช้างวิ่งไปโดยไม่มีควาญ เวลานักท่องเที่ยวเดินไป ต้องมีควาญไปประกบ ไม่ให้ช้างถึงตัวนักท่องเที่ยว เป็นไปไม่ได้ว่าเราไม่มีควาญประจำช้าง ไม่จริง

“เรามีควาญ แต่ไม่ใช้โซ่และตะขอ พี่ยืนยันว่าที่นี่เราไม่ใช้โซ่ ตะขอ แม้หลังไม่มีน้ำท่วม สิ่งที่พี่จะแก้ไขได้ จะพาลูกๆไปอยู่พื้นที่พ้นน้ำ ไม่ใช้โซ่ ตะขอ ไม่ให้เขากลับไปในสิ่งที่เหล่านั้นอีกแล้ว พี่จะแลกทุกอย่างเพื่อให้ลูกพี่ได้อยู่อย่างอิสระ ด้วยความรักจากพี่”

แสงเดือน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยสั่งให้เลิกเลี้ยงช้างแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม เพราะไม่มีอำนาจไปสั่งใครเลิก แต่มีการปล่อยข่าวตลอดว่า แสงเดือนให้เลิก แต่พิสูจน์ไม่ได้ เป็นการใส่ร้ายให้เกลียด

แสงเดือน ได้ชี้แจงประเด็นการเมือง กรณีมีการเชื่อมโยงว่าเป็นด้อมส้ม โดยกล่าวว่า อยากชี้แจงประเด็นการเมือง สถานที่ของเรา ทำเรื่องสิ่งแวดล้อม

“พี่ไม่ได้เป็นด้อมส้ม พี่ไม่น่าเชื่อว่าสังคมจะโยงขนาดนี้ สถานที่ของเรามาทุกพรรค พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ในช่วงโควิด รัฐมนตรีหลายคนมา เป็นที่ประชุมของ กอ.รมน. ราชการ จึงอยากบอกว่า การทำเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ ไม่ควรมีเรื่องสี การเมือง ไม่อยากให้แบ่งแยก”

แสงเดือน เศร้าใจ ที่รู้สึกว่า “ทำไมความเกลียด ถึงย้ายภูเขาได้ขนาดนี้”

แสงเดือน ยอมรับว่า ความขัดแย้งและดราม่า มาจากการเลี้ยงช้างที่ต่างกัน มาจากการเลี้ยงช้าง 2 แบบ ที่ใช้โซ่ตะขอ และไม่ใช้ การโจมตีตนเองเรื่องนี้มีมายาวนาน จึงเชื่อว่าสาเหตุมาจากสิ่งนี้ ซึ่งไม่อยากมากล่าวถึงอีก เพราะเห็นว่า สามารถต่างทำในสิ่งทีตั้งใจได้ ขอเพียงไม่โจมตีใส่ร้ายป้ายสีกันมากเกินไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat