‘สุพันธุ์’ วอน กนง.หยุดขึ้นดอกเบี้ย หวั่นกระทบเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูง
‘สุพันธุ์’ วอน กนง.หยุดขึ้นดอกเบี้ย หลังขึ้นมาอยู่ที่ 2.25% ต่อปี หวั่นกระทบเศรษฐกิจ ทำคนตกงาน-หนี้ครัวเรือน เพิ่มสูงขึ้น แนะยึดโมเดลญี่ปุ่น เน้นส่งออก-ท่องเที่ยวเป็นหลัก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.25% ต่อปี ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางลบมากกว่าในทางบวก โดยเฉพาะภาค SMEs เนื่องจากต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อยสูงขึ้น การลดดอกเบี้ยจะบรรเทาปัญหาที่อาจเกิดในอนาคต ทั้งเสริมสภาพคล่องธุรกิจ และปรับสภาพการชำระหนี้ให้ดีขึ้น
นายสุพันธุ์ คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี ผลประกอบการทุกบริษัทจะลดลง เนื่องจากต้นทุนการเงินปรับสูงขึ้น ไม่มีบริษัทไหนที่ไม่กู้เงิน อีกทั้งการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนการเงินบริษัทสูงขึ้น กระทบต่อปัญหาการจ้างงานในอนาคตเหมือนในยุโรปและอเมริกา ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคนตกงาน โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อยและ SMEs ที่แบกต้นทุนการเงินด้านดอกเบี้ยสูงกว่า
ขณะเดียวกัน นายสุพันธุ์ มองว่านโยบายด้านการเงินของญี่ปุ่นที่เดินหน้าสวนทางกับโลกตะวันตกนั้น เป็นโมเดลที่เป็นไปได้และคล้ายกับไทยมากกว่า เพราะมีอุตสาหกรรมการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก แม้ค่าเงินจะอ่อน แต่อย่างน้อยเครื่องจักรทางเศรษฐกิจทั้งสองตัวหลักยังไปต่อได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้เสียและหนี้ครัวเรือนระยะยาวยังเป็นประเด็นที่น่ากังวล เนื่องจาก ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนคนไทยอยู่ที่ 90.6% ของจีดีพี นับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาส่วนนี้โดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีปัญหาการชำระหนี้หรือเร่งปิดหนี้ จะต้องขยายระยะเวลาเป็นหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ การปล่อยกู้ในปัจจุบันนั้นเริ่มยากขึ้น และจะยากขึ้นไปอีก ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ หากดูในไตรมาสแรกของปี 2566 จะพบว่า ภาคอุปทานสำหรับโครงการเปิดใหม่ชะลอตัวลงมากกว่า 38.7% การเปิดตัวโครงการใหม่ -10.5% และมูลค่าลดลงถึง 8.2% เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2565 มีสินทรัพย์ถูกยึดแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% สะท้อนว่า ผู้ซื้อบ้านเริ่มผ่อนต่อไม่ไหวจนถูกยึด ควรต้องเร่งแก้ไขด้วยการลดดอกเบี้ย ไม่ใช่ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อปานกลางค่อนไปทางต่ำ และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย
