POLITICS

‘ฟรุตบอร์ด’ เห็นชอบโครงการพัฒนาลำไยอย่างยั่งยืน

‘ฟรุตบอร์ด’ เห็นชอบโครงการพัฒนาลำไยอย่างยั่งยืน และแผนจัดการผลไม้ 1 ล้านตัน

วันนี้ (27 ต.ค. 65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ “โครงการพัฒนาลำไยอย่างยั่งยืน” เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตลำไยในฤดูและนอกฤดู เป็นสัดส่วนร้อยละ 60 : 40 ภายในปี 2567 ตามความต้องการของตลาด สอดคล้องกับแผนพัฒนาผลไม้ไทย ปี 2565 – 2570 และรายงานการศึกษาวิเคราะห์เสถียรภาพกลุ่มสินค้าลำไย รวมทั้งยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร สำรวจเกษตรกรที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการ และให้กระทรวงพาณิชย์จัดหาตลาดล่วงหน้า เพื่อรองรับผลผลิตนอกฤดูตามเป้าหมายของโครงการ รวมถึงมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอหลักการและคุณสมบัติเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และอัตราดอกเบี้ยในการเข้าร่วมโครงการ

ที่ประชุมยังรับทราบผลการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 ประจำฤดูกาลผลิตที่ 2/2565 (กรกฎาคม – ตุลาคม) โดยสถานการณ์ลำไยภาคเหนือ สามารถดำเนินการได้ตามแผนบริหารจัดการ มีผลผลิตรวมทั้งสิ้น 742,563 ตัน แบ่งเป็น กระจายผลผลิตภายในประเทศ จำนวน 138,677 ตัน หรือร้อยละ 18.68 ผ่านวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร Modern Trade ตลาดออนไลน์ และตลาดผลไม้ภายในจังหวัด เป็นต้น ส่วนการแปรรูป ทั้งลำไยอบแห้งรวมเปลือก ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง และอื่นๆ มีจำนวน 511,434 ตัน หรือร้อยละ 68.87 และส่งออก 92,451 ตัน หรือร้อยละ 12.45

สำหรับสถานการณ์ทุเรียนภาคใต้ มีปริมาณผลผลิตรวม 328,818 ตัน แบ่งเป็น กระจายภายในประเทศ จำนวน 116,868 ตัน หรือร้อยละ 35.54 การแปรรูป ทั้งแช่แข็ง อบแห้ง ฟรีซดราย กวน และอื่น ๆ จำนวน 18,191 ตัน หรือร้อยละ 5.53 และส่งออก จำนวน 193,760 ตัน หรือร้อยละ 58.93

สถานการณ์มังคุดภาคใต้ มีปริมาณผลผลิตรวม 19,536 ตัน แบ่งเป็น กระจายภายในประเทศ 15,416 ตัน หรือร้อยละ 78.91 การแปรรูป ทั้งอบแห้ง ฟรีซดราย กวน และอื่น เช่น ไอศกรีม และน้ำมังคุด จำนวน 78 ตัน หรือร้อยละ 0.40 และการส่งออก (ผลสด) จำนวน 4,042 ตัน หรือร้อยละ 20.69

สถานการณ์เงาะ ภาคใต้ มีปริมาณผลผลิตรวม 25,956 ตัน และสถานการณ์ลองกอง ภาคใต้ มีปริมาณผลผลิตรวม 2,007 ตัน ซึ่งมีบริหารจัดการโดยการกระจายภายในประเทศทั้งหมด ผ่านล้งภายในประเทศ วิสาหกิจชุมชน Modern Trade ตลาดออนไลน์ และจำหน่ายถึงผู้บริโภคโดยตรง เป็นต้น

สำหรับความก้าวหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 ฝ่ายเลขานุการได้เสนอโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี โดยเสนอแนวทางให้มีขนาดพื้นที่ปลูกรายละไม่เกิน 25 ไร่ ในอัตรา 2,000 บาทต่อไร่ กรอบวงเงิน 3,821.54 ล้านบาท รอการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

ที่ประชุมยังได้รับทราบแนวทางการเปลี่ยนรหัสรับรอง GAP รูปแบบใหม่สำหรับผลไม้ส่งออกซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ฉลากติดภาชนะบรรจุผลไม้ 13 ชนิด ส่งออกไปจีน ที่จะต้องระบุรหัสรับรอง GAP รูปแบบใหม่เท่านั้น โดยผลไม้จำนวน 13 ชนิดที่ส่งออกไปจีน ได้แก่ ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด มะม่วง ชมพู่ ขนุน กล้วย สับปะรด มะพร้าว มะขาม เงาะ และส้มโอ ส่วนที่เหลืออีก 9 ชนิด ได้แก่ น้อยหน่า มะละกอ มะเฟือง ฝรั่ง ลองกอง ละมุด เสาวรส ส้มเปลือกล่อน และส้ม (จีนอนุญาตรวม 22 ชนิด) ยังไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการขึ้นทะเบียนกับจีน จึงยังไม่กำหนดว่าต้องมาจากสวนและโรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียนกับจีน

ที่ประชุมยังรับทราบข้อเสนอของภาคเอกชนที่จะขยายตลาดและการขนส่งผลไม้จากท่าเรือจังหวัดตราด ไปท่าเรือจ้านเจียง (Zhanjang Port) ประเทศจีน โดยใช้เรือขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ปรับอุณหภูมิ ขนาด 300 ตู้ ขึ้นไป เพื่อความคล่องตัวในการขนส่งผลไม้จากภาคตะวันออกไปจีน

Related Posts

Send this to a friend