บก.ปทส. – กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ค้นแหล่งค้าปะการังออนไลน์

ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันจับกุม นายฐิติพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ในพื้นที่แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. หลังสืบทราบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ลักลอบค้าปะการังแข็ง กัลปังหา และดอกไม้ทะเล ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมีนายฐิติพงศ์ เป็นพ่อค้า ใช้บ้านพักภายในซอยสุวินทวงศ์ 13 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี เป็นสถานที่ลักลอบเลี้ยงปะการังและดอกไม้ทะเล เพื่อการค้าจำนวนมาก

จากพฤติกรรมของผู้ที่กระทำความผิด อาจสร้างความเสียหายและเป็นการส่งเสริมการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ที่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้ระบบนิเวศทางธรรมชาติเสียไปด้วย บก.ปทส. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. จึงประสานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสนธิกำลังและเข้าตรวจสอบโดยนำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

พบนายฐิติพงศ์ อายุ 31 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน เมื่อตรวจสอบภายในบ้าน พบสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ได้แก่ ปะการังแข็ง 216 ชั้น , กัลปังหา 7 ชิ้น , ดอกไม้ทะเล 9 ชิ้น ถูกเลี้ยงอยู่ในตู้กระจกบรรจุน้ำเค็มสำหรับเพาะเลี้ยงปะการัง และยังพบซากปะการังอีก 75 ชิ้น รวมทั้งหมด 307 ชิ้น จึงได้ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

นายฐิติพงศ์ ให้การว่า ปะการังและดอกไม้ทะเลของกลางที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมด สั่งซื้อทางออนไลน์ นำมาเพาะเลี้ยงเป็นงานอดิเรก เมื่อเลี้ยงจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ได้ประกาศขาย โดยลงภาพและข้อความโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก สำหรับปะการัง ขายชิ้นละ 100 – 1,000 บาท คิดราคาตามขนาดและความสวยงาม ไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองหรือค้า จากทางราชการแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ค้าและมีไว้ในครอบครอง ซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองหรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562” โดยความผิดฐานครอบครอง ตามมาตรา 17 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความผิดฐานค้า ตามมาตรา 29 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ