สุชัชวีร์ ประกาศเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้คนกรุงเทพฯ
เพราะเป็นคนที่รู้ปัญหาดีสุด จากเด็กที่ได้ดีเพราะการเรียน เป็นครู และผู้บริหารสถานศึกษา ตั้งเป้าให้ กทม.เป็น โรงเรียนดี ฟรี และ แข่งขันได้
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมพูดคุยถึงการปลดล็อกกรุงเทพเมืองแห่งความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่ The Reporters ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. พูดคุยกับผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่องนโยบายการศึกษา โดย ศ.ดร. สุชัชวีร์ ประกาศว่า ตนเองจะเป็น ผู้ว่าฯ กทม.ที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้คนกรุงเทพฯ
“ผมเกิดที่ จ.ชลบุรี เติบโตเรียนหนังสือที่ จ.ระยอง จนจบระยองวิทยาคม ได้ทุนช้างเผือกได้เรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโยลีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนจบปริญญาตรี ขอแม่ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาา จนจบปริญญาเอก ที่ MIT เรียกได้ว่าเรียนแบบทะลุทะลวง และพ่อและแม่เป็นครู จึงเติบโตมากับการศึกษา และโรงเรียน จนมาเป็นผู้บริหาร สถาบันการศึกษาที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส พัฒนาสถาบันการศึกษาให้มีชื่อเสียงได้”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวเห็นโลกการศึกษามาทั้งชีวิต เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาใน กทม.ที่มีสูงมาก โรงเรียนในสังกัด กทม. แตกต่างจากโรงเรียนในเมืองหลวงระดับท็อปของโลก อย่างโตเกียว ปักกิ่ง ฯลฯ ที่เด็กๆ และผู้ปกครองจะเลือกเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน และเป็นโรงเรียนที่เรียนฟรี แต่กรุงเทพฯ กลับไม่เหมือนกัน พ่อแม่เลือกส่งลูกไปเรียนโรงเรียนต่างพื้นที่ที่เห็นว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด
“สรุปกันตอนนี้ว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เหมือน ครอบครัว ถ้าครอบครัวไหนพ่อแม่ไม่ใส่ใจการศึกษา จะดีได้ยังไง” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ปัญหาโรงเรียนใน กทม. มี 4 อย่างคือ ครู หลักสูตร สื่อการสอน และสังคม อย่างครูที่มาบรรจุ กทม. เก่งเพราะสอบแข่งขันทั่วประเทศ แต่ก็ต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง กทม. กลับไม่ได้สนับสนุนเลย เรื่องการเติบโตในอาชีพ บ้านพัก ค่าเดินทางไม่มี สุดท้ายเขาย้ายหมด ไปอยู่ในสังกัด สพฐ. โดยมองว่า ผู้ว่าฯ กทม.ต้องดูแลครู หลักสูตรการเรียนการสอน ผู้ว่าฯ กทม.มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการ ต้องทำให้ได้ในการจัดหลักสูตรที่ดี สื่อการเรียนการสอน อย่างลูกโลกใน ร.ร. กทม. บางโรงเรียนมีลูกเดียว ต้องไม่มีแบบนี้แล้ว ต้องจัดสรรงบประมาณมาซื้อสื่อการเรียนของ กทม. หรือการมีส่วนร่วมของสังคมซึ่ง ผู้ว่าฯ กทม. ต้องประสาน เพราะมีอำนาจ และมีอิทธิพล
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ยอมรับว่ารู้สึกเสียดายโอกาสของเด็กใน กทม.และ ยิ่งพูดยิ่งแค้น เพราะเห็นความเหลื่อมล้ำชัดเจนมาก ร.ร.ในสังกัด กทม.เมื่อเปรียบเทียบกับ ร.ร.ใน อบต.หรือ อบจ.แตกต่างกันมาก “ความแตกต่างนี้ อยู่ที่ ผู้ว่าฯ กทม. เท่านั้น ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม พี่เอ้ อยากมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.เพื่อมาทำเรื่องการศึกษาด้วย”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า สิ่งแรกต้องรักษาครูให้ได้ ต้องรักษาเขาให้ความสำคัญกับเขา ต้องให้สวัสดิการครู บ้านถ้าไม่มี ดูแลค่าเช่าบ้าน ให้อยู่ใกล้ ร.ร. ค่าเดินทาง กทม.ผมตั้งใจซื้อตั๋วล่วงหน้า เป็นสวัสดิการประชาชน และ ครู ให้ทานอาหารฟรี และพัฒนา ขอโควต้าให้อบรมครู
เรื่องที่สองต้องทำหลักสูตรให้ดี หลักสูตรหลักโควิด สู้กับหนักมาก หลักสูตรอยากให้คล้ายสิงคโปร์
สามคือ สื่อการสอน นโยบายที่กรุงเทพต้องมีอินเตอร์เน็ตฟรี ส่วนหนึ่งก็เพราะการศึกษา และเด็กใน กทม.ต้องได้เล่นกีฬาอย่างเต็มที่ รวมถึงอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ต้องได้เพิ่มเป็น 40 บาทเท่ากัน
“ให้มันรู้ไปว่า มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะทำให้โรงเรียน กทม.ดี และดังไม่ได้ ผมจะตั้งใจทำเรื่องการศึกษา และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวย้ำ
