ยกฟ้อง ‘หฤษฏ์’ คดี ม112 หลังสู้นานกว่า 6 ปี

ศาลยกฟ้อง ‘หฤษฏ์’ คดี ม112 หลังสู้นานกว่า 6 ปี เจ้าตัวยืนยันไม่ฟ้องกลับ เชื่อ จนท.รัฐทำตามคำสั่ง
วันนี้ (15 มี.ค. 65) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3064/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายหฤษฏ์ มหาทน อายุ 31 ปี และ น.ส.ณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ อายุ 48 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14
สืบเนื่องจาก ต้นเดือนมกราคม 2559 ถึงวันที่ 27 เมษายน 2559 จำเลยทั้ง 2 ได้ร่วมกันพิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ลงในเฟซบุ๊กชื่อ “Harit Nahaton” ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 และชื่อบัญชี “วรารัตน์ เหม็งประมูล” ซึ่งเป็นของจําเลยที่ 2 โดยจําเลยทั้ง 2 รู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าว เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่งคง
การกระทำของจำเลยทั้ง 2 ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนและผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เหตุเกิดที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน
โจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แต่จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว โดยระหว่างการพิจารณา น.ส.ณัฏฐิกา จำเลยที่ 2 ได้หลบหนี โดยลี้ภัยไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ศาลจึงจำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า พล.อ.วิจารณ์ จดแตง พยานโจทก์ ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพวก เบิกความว่าได้รับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ แต่ไม่รู้เห็นเหตุการณ์การกระทำของจำเลยทั้งสองโดยตรง ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่า เป็นการรับฟังข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ศาลจึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ โดยไม่มีผู้ใดยืนยันว่าใครเป็นคนจัดทำข้อมูลเอกสารต่างๆในคดี และโจทก์มิได้นำสืบให้ศาลเห็นว่า เป็นเฟซบุ๊ก ของจำเลยจริงหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
หลังฟังคำพิพากษา นายหฤษฏ์ กล่าวขอบคุณศาลที่ฟังพยานหลักฐานและตัดสินอย่างยุติธรรม และขอบคุณพยานที่มาให้การอย่างเป็นกลาง รวมทั้งทนายความ ดีใจที่ระหว่างต่อสู้คดีตนได้รับการประกันตัว ไม่เช่นนั้นคงต้องต่อสู้คดีอยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และสูญเสียอิสรภาพ ซึ่งจากการถูกดำเนินคดีทำให้เสียชื่อเสียง อยากให้สังคมมองอย่างเข้าใจว่า แม้ตำรวจและอัยการจะฟ้องดำเนินคดี แต่ศาลอาจยกฟ้องก็ได้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อยากทำคดีนี้ เพียงแต่ทำตามคำสั่ง ตนจึงจะไม่ฟ้องกลับ