POLITICS

‘ภูมิธรรม‘ เผยที่ประชุม คกก. ปชด. ต่อมาตรการ 3 ตัด แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

‘ภูมิธรรม‘ เผยที่ประชุม คกก. ปชด. ต่อมาตรการ 3 ตัด แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ เดินหน้าต่อ “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งหาทางช่วยคนไทยเพิ่ม พร้อมคุยเพื่อนบ้านตัดตอน หลังพบย้ายฐานกระจายไปหลายที่ – บอก รอบ 1 เดือน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เกินความคาดหวัง – ส่วนมาตรการคุมเข้ม 5 อำเภอ จ. ตาก ขอรอดู อาจส่งผลต่อเรื่องเศรษฐกิจ บอก เอาเกียรติยศเป็นประกัน​ ไร้ประโยชน์​ทับซ้อน ลั่น​ ศูนย์​ขบวนการคอลเซ็นเตอร์​อยู่ประเทศใดให้รับผิดชอบเอง​

วันนี้ (21 มี.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ คณะกรรมการ ปชด. ครั้งที่ 2 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายภูมิธรรม พร้อมด้วย พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการพิเศษ ฉก 331 ที่เป็นชุดป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดทางบก รวมถึงเยี่ยมชมชุดปฏิบัติการพิเศษ ฉก 88 ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์

นายภูมิธรรม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการ ปชด. ว่า เป็นการประมวลสรุปการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง การงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า และสัญญาณโทรคมนาคม หรือ มาตรการ 3 ตัด รวมทั้งปฏิบัติการ Seal Stop Safe โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการดำเนินการ และข้อติดขัด ที่ยังพบว่าไม่มีตัวกลางในประสานงาน นายกรัฐมนตรี จึงได้ตั้งคณะกรรมการ ปชด. ทำให้การบูรณาการ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น

ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินการมาตรการ 3 ตัดต่อไป เพราะจากการประเมินส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนคดีลดลงถึงร้อยละ 22 อยู่ที่ 30,000 กว่าคดี มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ 10 ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้ก่ออาชญากรรม และผู้ที่ทำคดีเกี่ยวกับกรณีนี้ มีการถอยจากฐานที่ตั้ง และกระจายไปในส่วนต่าง ๆ แม้จะมีบางส่วนที่มีโทรศัพท์ใช้หลอกลวงได้อยู่ นั่นแสดงว่า ยังมีกระบวนการนี้อยู่ เช่นที่พญาตองซู จึงเดินหน้านโยบายนี้ต่อ

นอกจากนี้ ยังทราบมาว่ามีการย้ายฐานที่มั่นจะเมียวดี ไปทางกัมพูชา เวียดนาม ลาว ซึ่งต้องดำเนินการตรงนี้อย่างเต็มที่ พร้อมย้ำว่า จะดำเนินการต่อไม่หยุดอย่างแน่นอน ตามคำที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “ไม่จบไม่เลิก” ซึ่งได้ให้กำลังใจทุกฝ่ายไปต่างชาติให้การสนับสนุน และชื่นชมในสิ่งที่ไทยทำ เพราะเป็นการขยายผล ที่ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่แก้ปัญหาไปถึงต่างประเทศด้วย

นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขณะนี้กำลังเพิ่มแนวทางการช่วยเหลือคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามักเป็นกลุ่มต่างชาติ เช่น จีน เอธิโอเปีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น พร้อมกับพยายามที่จะให้นำเครื่องบินทหาร หรือเครื่องบิน ไปลงที่จังหวัดตาก เพื่อนำตัวกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับออกไป ส่วนประเทศที่ไม่มีสถานทูตก็พยามประสานนำตัวออกไปโดยใช้เครื่องบินพาณิชย์

นายภูมิธรรม ยังระบุว่า ขณะนี้ได้พูดคุยกับกัมพูชา และลาว ซึ่งในส่วนของลาวที่พบในคิงโรมัน ก็มีการกระจากันไปใกล้ชายแดนเวียดนาม ส่วนกัมพูชาอยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งตนเองได้ทำจดหมาย โดยมอบให้ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปให้กับรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีมหาดไทย และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของกัมพูชา ซึ่งได้วางแผนร่วมกันแล้ว แต่ขณะนี้มาตรการได้เพ่งเล็งไปที่ผู้ก่ออาชญากรรม เพื่อที่จะไปติดตาม และแก้ปัญหานี้ได้อย่างเข้มข้น

นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาทางกฎหมาย ที่จะมาช่วยหารือ และดูแล เพราะจากปัญหาที่พบ คือ ต้องมีข้อกฎหมาย ความเหมาะสม และนานาชาติให้การรับรองได้ รวมถึง ยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ได้เน้นไปที่ส่วนต่าง ๆ ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยีไซเบอร์ ซึ่งมีการแบ่งการดำเนินการชัดเจน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ โดยหามาตรการระงับสัญญาณโทรศัพท์ ที่พบว่ามาจากไซเบอร์ใยแก้ว ซึ่งได้ประสานงานกับ กสทช. มาพูดคุยแล้ว

นายภูมิธรรม ย้ำว่า การทำงานของรัฐบาลในรอบหนึ่งเดือนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเกินความคาดหวังของเรา จากนี้ไปก็จะทำให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อ แต่ปัญหาในขณะนี้คือเราแก้ปัญหาเรื่องคน ที่เราไม่ทราบตัวตน เมื่อแก้ปัญหาหนึ่งได้ก็จะเกิดอีกปัญหาหนึ่ง เหมือนเรากำลังไล่ตามเงาของพวกเขา แต่เชื่อว่ามาตรการที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ลงไป ได้ผลที่มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

ส่วนแนวทางที่จะให้ 5 อำเภอในจังหวัดตาก เป็นพื้นที่พิเศษคุมเข้มนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ให้หารือกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้แม้ว่าจะยึดมาตรการความมั่นคง แต่ก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องหาดูว่าไปถึงระดับใด แต่ทางนักธุรกิจต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ถึงขนาดที่จะต้องดำเนินการแก้ไข ย้ำว่าขณะนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยชน ด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจของประเทศ และเราจะต้องหาจุดที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ก็ยังคงแก้ปัญหาอย่างเข้มงวดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้เป็นการแก้ไขในส่วนของปอยเปต และจังหวัดตาก เป็นการป้องกันภายในประเทศ แต่นโยบายของนายกรัฐมนตรี ต้องการทำให้เรื่องนี้จบลง แต่บรรดาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ยังยังคงอยู่จะจบเรื่องนี้ได้จริงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากจะจบก็จบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถจัดการได้ เราต้องร่วมมือกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าภัยคุกคามนี้ขยับไปอยู่ที่ตรงไหน ส่วนจะขยับฐานที่มั่นไปส่วนไหน ส่วนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ให้เข้มข้นขึ้น

ส่วนมาตรการตัดไฟตัดอินเตอร์เน็ตกับประเทศเมียนมาจะมีการอะลุ่มอล่วยให้กันหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าในที่ประชุมได้มีการเสนอให้คำนึงเรื่องของมนุษยธรรม ก็คงจะต้องดูถึงความพอดี หากไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม ก็ต้องดูว่าจะช่วยได้สักแค่ไหน แต่ยืนยันว่าขณะนี้เรายังไม่ผ่อนปรนมาตรการ พร้อมยืนยันว่า ไม่จบไม่เลิก

นายภูมิธรรม ย้ำว่า การดำเนินงานมีความคืบหน้าไปมาก ด้านพญาตองซู มีความคลี่คลายไปเยอะมากส่วนที่ขยับเข้าไปลึกขึ้นเรื่องนี้ก็ต้องตามทางการข่าวต่อไป ส่วนทางแม่สอด ขณะนี้ยังมีผู้คนทะลักอยู่ และยังไม่สามารถระบายคนออกไปได้เยอะ ตนได้มอบนโยบายพิเศษออกไปว่าให้ระบายออกไปให้เยอะที่สุดแต่ห้ามเข้ามา เพราะเราไม่ต้องการที่จะแบกภาระในการเป็นศูนย์อพยพ เพราะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ในที่ประชุมวันนี้ยังมีการพูดถึง การกระชับ และลงในรายละเอียดมากขึ้นถึงการจัดการปรับเน็ต แต่ทางผู้ปฏิบัติไม่มั่นใจว่าจะครอบคลุมไปถึงการตัดไฟเบอร์ของเอกชนด้วยหรือไม่ ซึ่งให้ผู้รับผิดชอบไปดูในรายละเอียดตามกรอบของกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกมองว่ามาตรการการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมาไม่เข้มข้น และต้องเกรงใจเพราะมีลูกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม ระบุว่า จากกรณีที่ไปประเทศจีนมานั้น เขาก็บอกว่ามาตรการของไทยเข้มข้น มีแต่เราที่ไม่มั่นใจในเรากันเอง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า “ไม่มีครับ ผมยืนยันด้วยเกียรติยศของผม”

เมื่อถามว่าการให้ 5 อำเภอในจังหวัดตาก เป็นพื้นที่ พิเศษต้องมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ กระบวนการเกี่ยวข้องกับใครก็ต้องมีการพูดคุยกับคนนั้น เพื่อจะรับทราบว่าทุกส่วนจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และดูว่าเหมาะสมแค่ไหน มันไม่มีอะไรได้ 100 %

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ใจอ่อนในการทบทวนมาตรการใช่หรือไม่ หลังผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน นายภูมิธรรมระบุว่า “ไม่อ่อนหรอกครับ ใจแข็งจะตาย”

ส่วนหากกองกำลังกะเหรี่ยงพิทักษ์ชายแดน (BGF) จะกลับมาเดินหน้าปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เพิ่มเติม หลังเริ่มทยอยผลักดันคนกลับประเทศต้นทางได้แล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปราบเพิ่มก็เป็นเรื่องดี

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat