‘โรม’ บุกอัยการ จี้ ออกหมายจับ ’หม่องชิตตู่‘ เหตุ ข้อมูลชี้ชัด เอี่ยวค้ามนุษย์

‘โรม’ บุกอัยการจี้ออกหมายจับ ’หม่องชิตตู่‘ เหตุ มีข้อมูลชี้ชัด เอี่ยวค้ามนุษย์ – คอลเซ็นเตอร์ ด้านอัยการยันยังไม่ถึงทางตัน
วันนี้ (25 ก.พ. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พร้อมด้วย นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการออกหมายจับ พลตรีหม่องชิตตู่ ผู้นำ BGF ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเมื่อดูในรายละเอียดข้อมูลบ่งชี้จากประเทศไทยและต่างประเทศ พบว่าหม่องชิตตู่ถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ว่าหม่องชิตตู่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และธุรกิจผิดกฎหมาย ดังนั้นไทยจึงไม่ควรเพิกเฉย เพราะหลายประเทศคว่ำบาตร แต่เราให้เขาเข้าออกประเทศไทย คงไม่ใช่เรื่องดี
สิ่งที่มามอบให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายอย่าง ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์ ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งของข้อหาที่จะดำเนินการ เพื่อนำไปสู่คดีการฟอกเงินต่อไป
ทั้งนี้หลักฐานที่อยู่จะซ้ำซ้อนกับหลักฐานที่อัยการมีหรือไม่ นายรังสิมันต์ พูดตรง ๆ ว่า ไม่รู้ว่าอัยการและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีข้อมูลแค่ไหน แต่สิ่งที่ทราบคือ ยังไม่สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากทั้งที่บางประเทศออกหมายจับกับหม่องชิตตู่ได้ อย่างไรก็ตามหลักฐานที่มียืนยันได้ว่า หม่องชิตตู่ เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในเมืองชเวก๊กโก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่เสอจื้อเจียง ที่ถูกจับอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ และเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับหม่องชิตตู่ วันนี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะคนที่เป็นเหยื่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะเป็นมาจากพยานสำคัญที่จะสามารถระบุได้ว่าหม่องชิตตู่มีความเกี่ยวข้องอย่างไร ดังนั้นการดำเนินคดีกับหม่องชิตตู่มีความจำเป็น เมื่อดำเนินคดีไปแล้วก็ต้องต่อสู้คดีในชั้นศาล ในกรณีที่จับกุมได้ก็จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลต่อไป
ส่วนหม่องชิตตู่จะติดคุกหรือไม่ เพราะหลักฐานบาง นายรังสิมันต์ กล่าวว่าหลักฐานการคว่ำบาตรไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมองว่าบางประเทศมีการออกหมายจับไปแล้ว ถ้าเกิดว่าหลักฐานบางก็ต้องพิจารณาระบบกฎหมายของเราว่ามันมีปัญหาแน่ ๆ นอกจากนี้การช่วยเหลือคนออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่เคยนำไปสู่การทลายโครงสร้าง จนกระทั่งไทยบีบคั้น ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต น้ำมัน และไฟฟ้า ก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่ใด ต้องจัดการทุนจีนแบบใด ซึ่งทั้งหมดเป็นกระบวนการที่เราสามารถรู้ได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า วันนี้หม่องชิตตู่มีรายได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รู้ดีว่าการปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่าพื้นที่จะนำไปสู่รายได้ แต่กลับเพิกเฉยและปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และเข้าร่วมด้วย
ตนเองไม่อยากให้โฟกัสแค่เรื่องหมายจับ แต่มีประเด็นสำคัญคือ การฟรีซทรัพย์สิน เมื่อไรก็ตามที่มีการออกหมายจับก็ต้องมีการฟรีซทรัพย์สิน ทั้งบ้าน ปั๊มน้ำมัน และผับที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถ้าไม่มีการดำเนินการใด ๆ สิ่งที่ตามมาคือ อาจนำไปสู่การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
โดยในระยะสั้น พนักงานอัยการหรือ DSI มีการพิจารณาออกหมายจับมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน เป็นเหตุผลให้วันนี้ตนเองต้องมาคุยกับสำนักงานอัยการสูงสุด สิ่งที่เราอยากทราบคือ การออกหมายจับติดปัญหาอะไร เกิดอะไรขึ้น เจอตอ หรือพยานหลักฐานไม่พอ ซึ่งเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่ามีข้อมูลบ่งชี้ว่า เมืองเมียวดีมีไทยเทา จีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจ และคนมีสีจำนวนมาก ตนเองจึงอยากได้ความชัดเจนว่าถ้าอัยการไม่สามารถที่จะแสวงหาหลักฐานได้ หรือใช้กลไกของหน่วยงานรัฐในการหาพยานหลักฐานก็พร้อมรับฟัง
“ผมเดินทางมาที่อัยการ สิ่งที่ผมต้องการคือ ต้องการพูดคุยและความชัดเจน ผมมีข้อมูลที่บ่งชี้ ถ้าบอกว่าไม่สามารถทำได้ก็ต้องมีคำอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณบอกว่าต้องการพยานหลักฐาน ตนเองจะช่วยหาให้เพิ่ม สุดท้ายถ้าผมต้องไปแสวงหาพยานหลักฐานทั้งหมด จะมีตำรวจ อัยการ DSI ไปทำไม” นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้าน นายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ยืนยันว่าการออกหมายจับหม่องชิตตู่ไม่ถึงทางตัน อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการเกี่ยวกับพฤติการณ์และความผิด ซึ่งยังไม่ชี้ชัดว่าจะออกหมายจับได้หรือไม่ และที่ผ่านมาอัยการได้พูดคุยกับ DSI อย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนคดีได้