‘เศรษฐา’ ตกใจหลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศสหรัฐฯ มี 2 เพศ ชี้ไทยหัวใจใหญ่ เพราะยอมรับความหลากหลาย

‘เศรษฐา’ ปาฐกถาพิเศษฉลองสมรสเท่าเทียม ลั่นไม่อยากชุบมือเปิบ เพราะหลายพรรคร่วมผลักดัน ตกใจหลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศสหรัฐฯ มี 2 เพศ ชี้ไทยหัวใจใหญ่ เพราะยอมรับความหลากหลาย
วันนี้ (23 ม.ค. 68) นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “วันสมรสเท่าเทียม (Marriage Equality Day” จดทะเบียนสมรสคู่รัก LGBTQIAN+ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในวันนี้ว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ประวัติศาสตร์ประเทศไทยต้องจารึกไว้ว่าการเดินทางยาวนานกว่า 20 ปีได้มาถึงจุดที่พวกเราทุกคนสามารถแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกัน โดยไม่จำกัดเพศสภาพ สามารถเชิดหน้าชูตาในสังคมได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี
เมื่อสักครู่เอกอัครราชทูตท่านหนึ่งบอกกับตนเองว่า ไม่ต้องเตรียมสคริปต์ เพราะมาจากใจ มีหลายเรื่องที่อยากจะพูด แต่การมีสคริปต์ก็เพื่อเตือนความจำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองและพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด
“สมรสเท่าเทียม” เป็นชื่อที่ชัดเจน ตนเองอยากเน้นคำว่า “เท่าเทียม” พี่น้องชาวไทยทุกคนเรียกร้องสิทธิ์ให้มีความเท่าเทียม แต่ไม่ใช่เหนือกว่าคนอื่น เหตุผลหนึ่งที่ใช้ระยะเวลายาวนานขนาดนี้ เพราะมีความไม่เข้าใจ ความเท่าเทียมเป็นสิทธิ์พื้นฐานที่พวกเราทุกคนควรได้รับ
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่าตนเองเดินเข้าสู่ถนนการเมือง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญกับสมรสเท่าเทียมเช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่สมรสเท่าเทียมเป็นเรื่องหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญมาโดยตลอด ตนเองไม่อยากใช้คำว่าชุบมือเปิบกับความสำเร็จที่พวกเราได้เดินทางมาไกล เพราะหลายพรรคการเมือง หลายรัฐบาลพยายามช่วยกันผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้น
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวสุนทรพจน์ได้จับใจ ใจความชัดเจน คงไม่ต้องขยายผลต่อ ความรักที่เรามีต่อกันไม่จำเป็นจะต้องแอบอยู่ข้างหลังอีกแล้ว เราสามารถเชิดหน้าชูตาเป็นอย่างที่เราอยากจะเป็น อยู่อย่างที่เขาอยากจะอยู่ แสดงออกอย่างที่เราอยากแสดงออกได้อย่างเต็มตัว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเข้ารับตำแหน่งกับผู้นำประเทศใหญ่ประเทศหนึ่ง ตนเองตกใจเพราะพวกเราเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ท่านประกาศชัดเจนว่ามี 2 เพศในประเทศของท่าน คงไม่เหมาะสมที่ตนเองจะกล่าวขัดแย้งหรือสร้างประเด็นเรื่องนี้ แต่ขอใช้คำว่าไทยมีประชากร 60 กว่าล้านคน เศรษฐกิจเราไม่ได้ใหญ่เท่าเขา แต่ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร เชื่อว่าเราหัวใจใหญ่กว่า เรายอมรับกับคนที่อยากจะเป็น เราให้เกียรติเขา ให้พื้นที่ ให้เวทีอย่างที่เขาสมควรได้รับแม้จะเป็นการรอคอยนานกว่า 20 ปี
ตนเองอยากจะแสดงความยินดีและขอโทษในเวลาเดียวกัน “สายยังดีกว่าไม่มา“ หลายท่านในที่นี้เป็นนักธุรกิจ จึงขอพูดเกี่ยวกับผลกระทบที่เรามีสมรสเท่าเทียมเป็นชาติต้น ๆ ของเอเชีย เราอาจเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว เชื่อว่า LGBTQIAN+ จากทั่วโลกจะหลั่งไหลเข้ามาสร้างเศรษฐกิจสีรุ้งให้กับประเทศไทย สร้างความอุดมสมบูรณ์ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน