POLITICS

เปิดใจ ’กัณวีร์‘ ปม ส่งจดหมายด่วนถึง กมธ.เวนิส ขอความเห็นคดียุบ ‘ก้าวไกล‘

เปิดใจ ’กัณวีร์‘ ปม ส่งจดหมายด่วนถึง กมธ.เวนิส ขอความเห็นทางกฎหมายคดีพิจารณายุบพรรค ‘ก้าวไกล‘ ยัน ไม่ใช่การกดดันศาล แต่ต้องการให้ยึดหลักเกณฑ์ยุบพรรคสากล ชี้ ไม่ได้ทำเพื่อ ’ก้าวไกล‘ หากพรรคอื่นถูกยื่นยุบในกรณีเดียวกัน ก็พร้อมร่วมสู้ เพื่อให้เกิดมาตรฐานในระบบการเมืองไทย

วันนี้ (6 ส.ค. 67) The Reporters สัมภาษณ์พิเศษ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม เกี่ยวกับส่งจดหมายด่วนทางอีเมล์ไปยังคณะกรรมาธิการเวนิส (Venice Commission) หรือคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาของสภายุโรป กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยจะมีการวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค. 67)

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ทั้งเรื่องโครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญ หรือระบบการเมือง และรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ เป็นการคัดลอกต้นแบบจากประเทศเยอรมนีมา เพื่อนำมาใช้ในของประเทศไทย จึงทำให้ความเกี่ยวข้องของคณะกรรมาธิการเวนิสเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับสหภาพยุโรป (EU) กับประเทศไทยมีความใกล้กันมากขึ้น ซึ่งการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเวนิส คือการตีความข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ จึงนำรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศมาศึกษา และคอยให้คำแนะนำกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นมาเกี่ยวกับการตีความกฎหมายของรัฐธรรมนูญดังกล่าว

โดยในตัวคณะกรรมาธิการเวนิส ได้มีการออกมติที่เป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง ว่าสามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 7 ข้อห้ามยุบพรรค ที่ถือว่าเป็นคัมภีร์ของประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ว่าควรจะยึดหลักของคณะกรรมาธิการเวนิสดังกล่าวไว้ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวก็ควรที่จะมีการนำมาปรับใช้ในประเทศไทยด้วย ในกรณีที่จะมีการยุบพรรคเกิดขึ้น

อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญของไทย ก็เป็นสมาชิกของสมาคมศาลรัฐธรรมนูญโลก และศาลรัฐธรรมนูญไทยร่วมกับคณะกรรมาธิการเวนิส จะมีการจัดการประชุมสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย หรือ AACC ในเดือนกันยายนนี้ ที่จะต้องนำหลักการและเหตุผลมาบอกให้ศาลรัฐธรรมนูญอื่นๆ รู้ว่า หลักการในการเป็นศาลรัฐธรรมนูญที่ดีควรจะทำอย่างไร ซึ่งศาลก็ควรจะปฏิบัติตนว่า ยังมีข้อผูกมัดกับฉันทามติของหลักสากล ดังนั้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยจะพิจารณาการยุบพรรคก็ควรจะต้องไปดูเรื่องของหลักเกณฑ์ดังกล่าวด้วย และศาลรัฐธรรมนูญไทยจะต้องไปพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี

ดังนั้น หลักเกณฑ์ 7 ข้อ ที่ใช้ในการพิจารณายุบพรรคการเมือง ควรถูกนำมาพิจารณาด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนเองถึงยื่นหนังสือไปถึงเลขาธิการ และสมาชิก 12 คนของคณะกรรมาธิการเวนิสเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา เพื่อส่งหนังสือข้อเสนอฉันมิตรในแง่มุมเสนอแนะด้านกฎหมาย โดยได้รับคำตอบกลับว่า ไม่สามารถให้คำตอบได้ หรือไม่สามารถส่งหนังสือฉันมิตรให้กับศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ได้ขอให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการพิจารณาความร่วมมือต่างๆ ในอนาคตระหว่างประเทศไทยกับเวทีระหว่างประเทศ และสหภาพยุโรปต่อไป

ในหลักเกณฑ์ 7 ข้อ โดยเฉพาะข้อที่ 3 ในหลักเกณฑ์การยุบพรรค คือ จะต้องเป็นพรรคที่ใช้ความรุนแรง ในการล้มล้าง บั่นทอน หรือการเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางการเมืองทั้งหมด และการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น พรรคการเมืองในประเทศเยอรมนี ที่มีแนวคิดแบบนาซีเยอรมัน และแตกต่างกับคดีความที่กำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ ที่มีการเสนอแก้กฎหมาย แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล

อีกทั้ง ความผิดรายบุคคลกับพรรคการเมืองต้องแยกออกจากกัน หากเป็นความผิดรายบุคคลก็ต้องไปดำเนินการกับบุคคลนั้น ไม่ใช่ลงโทษกับพรรค รวมถึงการยุบพรรคถือเป็นสิ่งสุดท้ายในการที่จะปฏิบัติได้ เพราะพรรคการเมืองคือประชาชน และประชาชนก็จะเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ซึ่งในสากลโลกการยุบพรรคเป็นเรื่องที่ยาก หากไม่เข้าในหลักเกณฑ์ 7 ข้อ

ส่วนเหตุผลที่ยื่นขอความเห็นต่อคณะกรรมาธิการเวนิส นายกัณวีร์ ยืนยันว่า การที่มาทำตรงนี้ ไม่ใช่เพราะพรรคก้าวไกล ต่อให้เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นๆ หากจะถูกยุบพรรค เราก็ต้องมาดูเนื้อหาใจความสำคัญว่าถูกยุบพรรคเพราะอะไร “หากพรรคพลังประชารัฐจะถูกยุบด้วยเหตุผลเดียวกัน ตนเองก็จะสู้เรื่องนี้ให้ด้วยเช่นกัน” เพราะตนเองยังเชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองจะต้องมีความเข้มแข็ง ระบบพรรคการเมืองจะต้องมีมาตรฐานในการปกป้องคุ้มครองตัวเราเอง เพราะเราเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่กลุ่มก้อนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

นายกัณวีร์ ยืนยันอีกว่า การยื่นให้คณะกรรมาธิการเวนิสในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อกดดันศาล หรือก้าวล่วง โดยใช้องค์กรอื่นเข้ามาบีบบังคับแต่อย่างใด การทำหนังสือฉันมิตรดังกล่าว เป็นสิ่งที่ดำเนินการตามปกติอยู่แล้วในเวทีระหว่างประเทศในการขอให้พิจารณาเรื่องนี้ ไม่ใช่การกดดันหรือบีบบังคับ ไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ที่ตนเองเคลื่อนไหวในกรณีนี้ เพื่อต้องการที่จะเห็นมาตรฐานทางการเมืองให้เกิดขึ้นในสังคม และประเทศไทย รวมถึงทำให้ประชาชนมั่นใจในสถาบันนี้ ว่าประชาชนสามารถพึ่งได้ และกำหนดทิศทางการพัฒนาคุณภาพการเมืองของตนเองได้

“เราจำเป็นที่จะต้องปกป้องคุ้มครองสถาบันของเราให้เข้มแข็ง ในอนาคตที่เรามีสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งแล้ว เราจะรู้ว่าเราควรจะอยู่พรรคไหนที่มีนโยบายตอบสนองกับเรามากที่สุด และจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันในด้านการเมือง ประชาชนก็จะสามารถมีอำนาจอย่างแท้จริงได้”

หากสถาบันทางการเมืองของเรายังอ่อนแออยู่ เหมือนมีคนมาเป่าทีนึงก็ล้มทั้งหมด ก็จะทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในเรื่องการเมือง เพราะกว่าประชาชนจะเชื่อมั่นในการเมืองได้ ต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะต้องต่อสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ถ้าสถาบันการเมืองเราเข้มแข็งจริงๆ ก็จะเป็นกลุ่มก้อนที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีที่พึ่งในอนาคตร่วมกัน ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสามารถพิจารณาได้ ไม่ว่าผลจะออกเป็นซ้ายหรือขวาแต่ออกในแนวทางที่ตรงกับประชาชนสนใจ ความยอมรับในสังคมไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่รวมสังคมโลกก็จะมีมากขึ้น กลไกของศาลรัฐธรรมนูญก็จะได้รับการยอมรับ และเป็นที่พึ่งของประชาชน

อย่างไรก็ตาม มุมมองที่ส่งผลให้ตนเองยื่นต่อคณะกรรมาธิการเวนิสนั้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะตนเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย เนื่องจากเป็น 1 ใน 500 คนในสภาฯ และเป็น 1 พรรคการเมืองที่ยังมีอยู่ในพรรคการเมืองทั้งหมดของประเทศไทย รวมถึงทำเพื่อปกป้องสิทธินักการเมืองของประชาชน ซึ่งตั้งความคาดหวังไว้ว่า หากเราสามารถยึดโยงกับหลักปฏิบัติสากลได้แล้ว เราจะรู้สึกถึงความเชื่อมั่นต่อไป ที่จะยึดในหลักเกณฑ์ และเอาประชาชนเป็นศูนย์หลักโดยแท้จริง ไม่ให้กลไกอื่นใดมามีอำนาจมากกว่าสถาบันทางการเมืองที่มาจากพี่น้องประชาชน แต่หากผลในวันพรุ่งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ต้องยอมรับ และเดินหน้ากันต่อไป

สำหรับคำพิพากษาของพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ หากผลออกมาว่ายุบพรรคก้าวไกล ในการประชุมสมาคมศาลรัฐธรรมนูญโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ หากถูกถามว่าหลักเกณฑ์ในการยุบพรรคก้าวไกล ตรงกับหลักเกณฑ์สากลหรือไม่นั้น หรือหากต่างประเทศไม่มาร่วมในงานที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ประเทศไทยจะรู้สึกอย่างไร ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะพรุ่งนี้ถือว่าเป็นวันที่หนักพอสมควรสำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน เพราะเป็นคดีที่เรา และทั่วโลกจับตามองอยู่ในตอนนี้

“ เราเพียงเสนอแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคในเวทีระหว่างประเทศ อยากให้พวกเราใช้มาตรฐานเดียวกับสากล เพราะต่อไปเราต้องอยู่ในบนโลกใบนี้ เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เพราะปัจจุบันเราต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่หากเราบอกว่า เราไม่สนใจโลกภายนอก ก็คงไม่ใช่เพราะระบอบการปกครองมันไม่ใช่ระบบของไทยให้เหมาะสมกับเรา เราจึงจำเป็นจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกันในระบอบประชาธิปไตย”

ส่วนที่หลายฝ่ายบอกว่าจะเป็นการให้ต่างชาติแทรกแซงประเทศไทย นายกัณวีร์ กล่าวว่า หากบอกว่าเป็นการแทรกแซงของรัฐบาลต่างชาติ เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถทำได้ แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านเราก็เห็นว่าไม่สามารถแทรกแซงได้ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเราเป็นหนึ่งในสมาชิกเวทีระหว่างประเทศ พวกเขาก็คงไม่สามารถมาแทรกแซงการตัดสินใจของเราได้ แต่เขาก็ใช้วิธีฉันมิตรในการให้ข้อเสนอแนะ และเป็นการพูดคุยกันในเวทีระหว่างประเทศ เพราะสุดท้ายหากประเทศไทยตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของประเทศไทย

การที่เราจะยืนแบบหัวเดียวกระเทียมลีบในเวทีระหว่างประเทศ มันไม่สามารถช่วยเราได้ ประเทศเราต้องเปิดกว้างในการยอมรับ ให้เกิดการพูดคุย และรับฟังความคิดเห็นของประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในโลกนี้ โดยเฉพาะประเทศที่เราไปก๊อปปี้ในระบบโครงสร้างระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมา เพราะหากเราก๊อปปี้แล้วไม่เอาหลักเกณฑ์มาใช้ในการพิจารณาให้สอดคล้องกับระบบระเบียบของประเทศไทย พวกเราจะอยู่กันอย่างไร แล้วเราจะเป็นระบอบที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางได้อย่างไร

นายกัณวีร์ ยังเชื่อว่า หากในวันพรุ่งนี้มีคำพิพากษาให้ยุบพรรคก้าวไกล ในเวทีระหว่างประเทศก็จะต้องมีการพูดคุยกันมากขึ้นอย่างแน่นอน และเชื่ออีกว่า การยุบพรรคก้าวไกลก็จะไม่ใช่การยุบพรรคครั้งสุดท้าย และจะแสดงให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เราพูดคุยกันมา มันไม่สามารถปรับใช้ได้จริงๆ ฉะนั้นหากมีการยุบพรรคต่อในอนาคต ระบบการเมืองไทยจำเป็นที่จะต้องจับมือร่วมกัน เพื่อต่อสู้ในการที่จะปกป้องคุ้มครองไว้ซึ่งระบบพรรคการเมืองของไทยที่มีประชาชนเป็นเจ้าของจริงๆ

ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านเห็นตรงกันที่จะร่วมกันแก้ไขกฎหมายการยุบพรรคการเมืองนั้น นายกัณวีร์ ระบุว่า แนวโน้มในสภาทุกพรรคเห็นพ้องร่วมกันที่ทุกคนเห็นด้วย และเชื่อว่าจะผ่านในวาระของสภาฯ เพราะเราจะต้องปกป้องตัวเราเองไม่เช่นนั้นจะปกป้องพี่น้องประชาชนได้อย่างไร และหากเอาเฉยเมยสมาชิกพรรคของท่านก็จะหายไป

Related Posts

Send this to a friend