’รังสิมันต์’ ผิดหวัง ‘วิษณุ’ แถลงผลสอบ ปมขัดแย้งใน ตร.
ชี้ เป็นเรื่องร้ายแรง เพราะทำลายกระบวนการยุติธรรม มอง รัฐบาลจัดการไม่มีวุฒิภาวะ ส่งผลประชาชนขาดความเชื่อมั่น
วันนี้ (20 มิ.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลัง นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ถึงผลการสอบความขัดแย้งกันภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ในแง่มีตำรวจระดับสูงรับเงินเว็บพนัน ถือว่าร้ายแรงมาก ๆ และสังคมรอคอยคำตอบว่าตกลงมีความชัดเจนอย่างไร ถ้ารับเงินจริง จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยคำตอบมาตลอด ตนเองเข้าใจว่าในองค์กรตำรวจมีความขัดแย้งกันระหว่าง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งนายวิษณุ ก็รับว่ามีอยู่จริง แต่สิ่งสำคัญคือมีการละเมิดกฎหมายเกี่ยวข้องหรือไม่ วันเวลาผ่านไปเป็นเดือน สังคมก็ยังไม่เห็นว่าความชัดเจนในการตรวจสอบคืออะไร และทำให้สังคมสงสัยว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาผิดกันอย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้าสุดท้าย พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ จะกลับมา ก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่สังคมอยากเห็น คือจะจบแบบนี้ใช่หรือไม่ ต่างคนต่างแยกย้าย แล้ววันเวลาที่ผ่านมา ตกลงแล้วไม่มีความหมายเลยหรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมากขนาดนี้ สังคมต้องการคำตอบว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยที่นายวิษณุ แถลงมา ก็ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ว่าจะมีหนทางแก้ปัญหา และเอาผิดจริง ๆ กับผู้ที่รับเงินเว็บพนันอย่างไร
นายรังสิมันต์ เชื่อว่า คนจำนวนไม่น้อยมองว่าซูเอี๋ยกัน ถามว่าข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงขนาดนี้ เพราะเว็บพนันเยอะจริง ๆ การจับตัวการใหญ่ สังคมก็ยังมีคำถามเยอะ ว่าจับตัวการใหญ่ได้จริงหรือไม่ หรือตัวการใหญ่เป็นตำรวจ ถ้าระดับ ผบ.ตร. หรือ รองผบ.ตร. ไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แล้วคนอื่น ๆ เกี่ยวข้องหรือไม่ เป็นสิ่งที่ยังไม่เห็นการขยายผล จึงเกิดคำถามว่านโยบายภาครัฐจะเอาอย่างไร เพราะเป็นปัญหาที่กัดกินสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ยังไม่เห็นความชัดเจนของประสิทธิภาพของรัฐบาลนี้เลย อย่าลืมว่าองค์กรตำรวจ อยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้ามีปัญหาแบบนี้ ก็จะกระทบกับความเชื่อมั่นของนายกฯ ด้วย ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน ในการจัดการปัญหาใน ตร. เสียงที่บอกว่ารัฐบาลอาจเกี่ยวข้องกับการซูเอี๋ย ก็จะดังมากขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล และนายเศรษฐา แน่นอน อยากให้จัดการปัญหาด้วยข้อเท็จจริง ว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้ทะเลาะกัน ตั้งคณะกรรมมการมาตรวจสอบ แต่ก็ไม่ชัดเจน ทำให้กระบวนการตรวจสอบของรัฐล้มเหลว และสูญเสียความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลมากขึ้นไปอีก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การเปิดเผยผลการตรวจสอบแบบละเอียดคือขั้นต่ำ เป็นความโปร่งใสขั้นต้น แต่คิดว่าการแถลงของนายวิษณุ วันนี้ น่าผิดหวัง ไม่คิดว่าท่านมาแล้ว เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มีอำนาจพอกับรองนายกฯ น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้
“ความขัดแย้ง หรือปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมในองค์กรตำรวจ สุดท้ายก็ไม่ได้รับการคลี่คลาย ผมไม่ได้กล่าวหาว่าใครคนไหนผิด ถ้าเขาไม่ผิด ต้องบอกว่าเขาไม่ผิด แต่ถ้าเขาผิดก็ต้องมีมาตรการทางกฎหมายที่ตามมา“ นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าสอบแล้ว มีข้อเท็จจริงปรากฏ แล้วตกลงมีความผิดอะไร มิเช่นนั้น ก็เกิดปัญหา การนำพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ไปดองไว้อย่างนั้น เป็นเวลาไม่รู้เท่าไหร่ แล้วสุดท้ายก็ไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย ว่าจะเอาอย่างไร การทำแบบนี้ ตนเองมองว่าไม่เป็นธรรมต่อพลตำรวจเอกต่อศักดิ์เช่นเดียวกัน และไม่เป็นธรรมประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้เสียภาษี และเงินทุกบาททุกสตางค์ ที่เราหล่อเลี้ยงมา ถ้ามีการรับเงินจากเว็บพนัน สิ่งเหล่านี้เป็นความเสียหายที่ประชาชนได้รับ รัฐบาลจะไม่ทำอะไรเลยหรือ
”มันไม่ใช่เด็กทะเลาะกัน แล้วเราจับแยกว่า โอเคหาย ๆ กันไป เลิกแล้วต่อกัน ผมคิดว่า ถ้าทำแบบนั้น เป็นการจัดการที่ไม่มีวุฒิภาวะของรัฐบาลนี้มาก“ นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ต้องมีการตรวจสอบอยู่ในวิสัย กรอบอำนาจของ กมธ. อยู่แล้ว ซึ่งคงต้องติดตาม ตนเองพยายามให้โอกาสรัฐบาลก่อน แต่เรามีการตั้งอนุกรรมธิการในการศึกษาเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งอยู่ในวิสัยที่เราสามารถเอาข้อมูลการสอบมา แต่เขาจะกล้าให้หรือเปล่า ถ้าเกิดไม่ให้ ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชนในเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาลนี้
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ยากที่จะคะเนว่าผลที่ออกมา ทำให้ความขัดแย้งส่วนตัวของทั้งสองคนเบาบางลงหรือไม่ เพราะเราไม่รู้ว่าความขัดแย้งลึกซึ้งแค่ไหน เพราะล่าสุด พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ก็มายื่นรายชื่อที่อาคารรัฐสภา ย้ำว่า สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความขัดแย้ง แต่อยู่ที่ว่ามีการทุจริตในอำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่