กรมควบคุมโรค แนะรับมือโรคช่วงเปิดเทอม ‘ไข้หวัดใหญ่-ไข้เลือดออก-โควิด-19’
วันนี้ (15 พ.ค. 67) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวในหัวข้อ “รับมืออย่างไร โรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม” พร้อมแนะนำวิธีการรับมือโรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม
ไข้หวัดใหญ่มักระบาดในช่วงฤดูฝน ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม โดยตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 144,574 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กและวัยเรียน ได้แก่ อายุแรกเกิด – 4 ปี (15%) และอายุ 10-14 ปี (14%) สำหรับกลุ่มเสี่ยงแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้งช่วงก่อนฤดูกาลระบาด โดยสามารถติดต่อเข้ารับวัคซีนได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน
โรคโควิด 19 พบว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (5-11 พ.ค. 67) พบผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,880 ราย เฉลี่ย 269 รายต่อวัน ผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 588 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 237 ราย เสียชีวิต 11 ราย ผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง จึงเน้นย้ำให้รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 หากป่วยให้รีบพบแพทย์
ส่วนไข้เลือดออก เป็นโรคที่มีการระบาดทุกปีช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 27,334 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี จำนวน 8,033 ราย และจากผลการสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พบสูงสุดในกลุ่มโรงเรียนและโรงธรรม จึงให้ทุกสถานศึกษาเร่งสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำทุกสัปดาห์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับผู้เสียชีวิต 31 ราย พบเป็นเด็ก 11 ราย ผู้ใหญ่ 20 ราย ทั้งนี้ หากมีอาการไข้สูง ยาลดไข้ที่ปลอดภัยคือพาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสม และหากไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน ควรรีบพบแพทย์
สำหรับโรคอื่น ๆ ที่พบการระบาดช่วงเปิดเทอม ได้แก่
1.โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อจากการได้รับเชื้อไวรัสเข้าทางปาก โดยเชื้อติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นกลุ่มเด็กเล็ก มีอาการไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ตุ่มแผลในปาก ทานไม่ได้ ร่วมกับอาจมีตุ่มพองเล็ก ๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หากอาการรุนแรงมีไข้ขึ้นสูง ซึมลง ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
2.ท้องร่วงเฉียบพลัน ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย พบการระบาดได้ตลอดทั้งปี พื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยว จะเกิดการระบาดได้ง่าย ผู้ป่วยจะถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีไข้ น้ำมูกไหล หรือไอร่วมด้วย การป้องกัน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” รับประทานอาหารปรุงสุก ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
3.โรคติดต่อในกลุ่มที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น หัด ไอกรน เป็นต้น ที่แพร่ระบาดทางระบบทางเดินหายใจ ให้ผู้ปกครองเช็กประวัติวัคซีน หากเด็กได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนดวัย ควรเข้ารับวัคซีนที่สถานพยาบาลใกล้บ้านให้ครบ แนะนำให้ทั้งนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ หรือที่มีไข้ออกผื่น
นอกจากโรคที่ต้องป้องกันในช่วงเปิดเทอม วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ เป็นวันความดันโลหิตสูง ซึ่งปีนี้ให้ประเด็นรณรงค์ “วัดความดันอย่างไร สูงเกินไปคุมให้ดี ช่วยยืดชีวีให้ยืนยาว” โดยประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25.4 ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7 ล้านคน และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้มากถึง 2.8 ล้านคน อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพอื่นตามมา และวันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ประเด็นการรณรงค์ปีนี้คือ “บุหรี่ไฟฟ้าหยุดโกหกได้แล้ว” สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า