‘ฐากร’ แนะรัฐบาล นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องเตรียมคนให้พร้อม
‘ฐากร’ แนะรัฐบาล นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลไม่ใช่แค่ Blockchain แต่ต้องเตรียมคนให้พร้อม ย้ำจุดยืนฝ่ายค้าน ถ้าเรื่องไหนดีพร้อมผลักดันให้สำเร็จ
วันนี้ (11 ก.ย. 66) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย อภิปรายเสนอแนะต่อนโยบายของรัฐบาล ว่า ในประเด็นการจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญ แต่ในนโยบายยังขาดรายละเอียดในการดำเนินการและกรอบเวลาที่ชัดเจน พรรคไทยสร้างไทยยืนยันแนวทางในแก้ไขให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยเร็ว โดยจะยกเว้นหมวดที่ 1 และ 2 ผ่านกระบวนการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ นายฐากร กล่าวต่อว่า เวลานี้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเติบโตต่ำ เหลื่อมล้ำสูง และคนส่วนใหญ่ขาดโอกาสที่จะเติบโต โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ แต่ต้องเน้นย้ำว่า การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ใช่แค่การสร้าง Blockchain เท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
นายฐากร ยังกล่าวต่อว่า ขอเสนอแนวทางการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง 3 ด้าน คือ
1) เตรียมคนให้พร้อม สนับสนุนให้คนไทยมีทักษะสำคัญที่เข้ากับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เช่น การคำนวณ ภาษา โปรแกรม และการปรับตัวให้ทัดเทียมประเทศสากลอื่น ๆ
2) สนับสนุนธุรกิจให้โต รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ การแข่งขัน และนวัตกรรม โดยดึงดูดธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติให้มีการลงทุนมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนในวงกว้างได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี
3) ลดกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้
นายฐากร ระบุว่า รัฐบาลต้องเร่งจัดตั้งกองทุน Start-Up ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะเป็นนโยบายที่สำคัญ กระจายโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน พร้อมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ขณะที่โจทย์ใหญ่อีกประการคือ ด้านสาธารณสุข เห็นว่าจำเป็นต้องเร่งทำประเด็นบัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่ ต้องสามารถใช้สำหรับดึงข้อมูลประวัติคนไข้ และประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลทุกที่ ที่คนไข้เคยรักษามาได้ทั้งหมด
ส่วนด้านการศึกษา นายฐากร ระบุว่า กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการเพื่อยกระดับการศึกษาใดๆ เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์ในสถานศึกษา ตามที่กฎหมายให้อำนาจหน้าที่ตัวเองไว้ จึงขอให้รัฐบาลชุดปัจจุบันเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ขณะที่นโยบายห่วงโซ่อุปทาน ประเทศไทยควรมีจุดยืนในเรื่องห่วงโซ่อุปทานอย่างชัดเจน และปฏิรูปนโยบายด้านแรงงานให้เสมอภาค และประเทศไทยควรเป็นผู้นำในการหารือและปฏิรูปประเด็นแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในภูมิภาคอาเซียน
นายฐากร ย้ำว่า จะไม่เป็นฝ่ายค้านที่ค้านทุกเรื่อง หรือใช้วาทกรรมที่สร้างความแตกแยกเกลียดชัง ถ้ารัฐบาลตั้งใจทำงาน พรรคไทยสร้างไทยพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง มีการทุจริต หรือทำให้ผลประโยชน์ของประชาชนเสียหาย เราจะทำหน้าที่ของเราอย่างไม่ยำเกรง