‘ศิธา’ เผย ทสท. -สอท. รวมพรรคได้แต่ต้องไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ”
‘ศิธา’ เผย ไทยสร้างไทย-สร้างอนาคตไทย รวมกันได้ แต่ต้องเคลียร์อุดมการณ์ให้ชัด “ต้องไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ”
น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง ยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งว่า หากการคำนวน ส.ส. ใช้สูตรหาร 100 โอกาสที่พรรคใหม่และพรรคเล็กจะได้ ส.ส. ถึง 25คน ตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ชื่อที่เสนอเป็นแคนดิเดทนายกมีผลตามกฏหมายได้ยากมาก ทำให้แต่ละพรรคต้องรวมกันถึงจะมีโอกาสมากขึ้น แต่การรวมกันต้องพูดคุยกันอีกเยอะ ยังไม่คืบหน้าเท่ากับที่สื่อมวลชนคาดการณ์ เพราะหากเป็นปลาคนละน้ำก็รวมกันลำบาก
ถ้าถามว่าพรรคไทยสร้างไทยกับพรรคสร้างอนาคตไทยจะรวมกันได้หรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ก็เคยทำงานร่วมกันมา โดยสมัยพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ดูแลด้านสาธารณสุข สังคม และยาเสพติด นายสมคิดดูแลด้านเศรษฐกิจ และร.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ดูแลด้านกฎหมาย แต่นายสมคิดเองก็เคยเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาก่อน จึงค้องดูว่าที่แยกตัวออกมาจากรัฐบาล เป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์หรืออุดมการณ์ไม่ตรงกัน หากเป็นเพราะอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะรวมกันได้ เพราะพรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการอยู่แล้ว หากจุดยืนตรงกันก็สามารถคุยกันได้ และการพูดคุยจะไม่ทำอย่างลับๆ ล่อๆ แน่นอน
ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่า ตอนที่คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็มีนักการเมืองหลายคนที่เคยย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะถูกเอาคดีความหรือการฟ้องน้องมาเป็นชนักติดหลัง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้นหากจะรวมกันก็ต้องชัดเจนทั้งสองฝ่าย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณีเดี่ยว 13 ของโน๊ต อุดมแต้พานิช น.ต.ศิธา มองว่าเป็นเรื่องบวก เพราะในระบอบประชาธิปไตยต้องพูดคุยได้วิจารณ์ผู้มีอำนาจได้ ผู้นำต้องใจกว้าง เช่นเดียวกับกรณีของนักร้อง 4 คนที่ร้องเพลงเสียดสีนายกรัฐมนตรี ถ้าเอาคดีความมาปิดปากไม่ให้เขาพูด ปราบสิบจะเหลือเป็นหมื่นเป็นแสน ดังนั้นต้องเปิดเสรีภาพในการแสดงความเห็นและเปิดใจรับฟัง บางคนพูดแล้วมีเหตุผลมากกว่าผู้นำประเทศบางคน พร้อมยืนยันว่าเรายืนอยู่ข้างประชาชนตลอด