CRIME

ผู้ช่วย ผบ.ตร. แจง ‘คดีตากใบ’ ตำรวจทำเต็มที่แล้ว

ระดมกำลังทุกภาคส่วนติดตามตัว แต่ไม่เจอ ชี้ หมายจับไทย – สากล หมดสภาพบังคับ ส่วน ปลัดท่าอุเทน ปรากฏตัวทำงานหลังคดีหมดอายุความ เป็นเรื่องของต้นสังกัดพิจารณาเอง พร้อมประสานตำรวจเฝ้าระวังทรัพย์สิน – สถานที่ราชการในชายแดนใต้

วันนี้ (29 ต.ค. 67) เวลา 10:00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยวิชากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงคดีตากใบของศาลจังหวัดปัตตานี และศาลจังหวัดนราธิวาสที่ศาลจำหน่ายคดี ภายหลังไม่สามารถติดตามผู้ที่ถูกออกหมายจับจำนวน 14 ราย มาขึ้นศาลได้ก่อนคดีหมดอายุความ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า นับตั้งแต่ศาลออกหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งสืบสวนจับกุมตัวคนร้าย โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการทุกหน่วยงานให้ช่วยกันสืบสวน และระดมกำลังเข้าตรวจค้น 52 จุด และเฝ้าจุดติดตาม 241 จุด แต่ก็ไม่พ้นตัวผู้ต้องหา

จากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกหมายแดง ทั้ง 14 คน ซึ่งทราบว่า มีผู้ต้องหา 2 คนหลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่น และประเทษอังกฤษ กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานประเทศต้นทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งเมื่อคดีขาดอายุความตามที่ศาลจำหน่ายคดีไป คดีที่นำคดีอาญามาฟ้อง ก็ต้องถูกระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ทำให้หมายจับหมดสภาพบังคับ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า หมายจับที่ออกไปก็จะมีวันหมดอายุอยู่ในหมายด้วย ดังนั้น สภาพหมายจับทั้งของไทย และสากลก็จะหมดสภาพบังคับไปด้วย

ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม 1 ใน 14 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากคดีหมดอายุความ จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่าตำรวจไม่จริงใจในการติดตามตัวหรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ ชี้แจงว่า หมายจับที่ออก ตำรวจก็ระดมกำลังทุกภาคส่วนในการติดตามจับกุม เช่น ตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ก็ช่วยกันติดตามตัว แต่เมื่อไม่สามารถติดตามตัวได้ทัน และมาปรากฎตัวภายหลังคดีหมดอายุความ ก็ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดในการพิจารณาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า ตำรวจรู้แหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย แต่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ จะตอบคำถามสังคมอย่างไร พล.ต.ท.สำราญ ยืนยันว่า ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาอย่างสุดความสามารถแล้ว ทั้ง หาตามภูมิลำเนา บ้านญาติพี่น้อง รวมถึงประสานไปต่างประเทศ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้คดีขาดอายุความไป

ส่วนเรื่องคดีตากใบที่อาจเป็นชนวนความรุนแรงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้เฝ้าระวังความรุนแรงโดยมีการแจ้งตำรวจในพื้นที่ทั้งหมดให้รักษาความสงบเรียบร้อย ช่วยป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน รวมถึงสถานที่ราชการต่างๆ

เมื่อถามย้ำว่า การติดตามตัวผู้ต้องหาไม่ได้แม้แต่คนเดียวในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดพลาดของตำรวจหรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ ตอบเพียงว่า ในประเด็นนี้ ผบ.ตร. จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง

Related Posts

Send this to a friend